กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ

Last updated: 2 มิ.ย. 2565  |  1569 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เผยมี 4 ราย เข้ามาขอดูปิโตรเลียม ครั้งที่ 24

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า หลังการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานของแปลง G1/61 (แหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ) และแปลง G2/61 (แหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช) จากระบบสัมปทานเป็นระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา พบว่าอัตราการผลิตปิโตรเลียมเฉลี่ยเดือนพฤษภาคม ของแปลง G1/61 อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และแปลง G2/61 อยู่ที่ประมาณ 870 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน ทั้งนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ผลักดันให้บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ. อีดี) ในฐานะผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต เร่งการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียม (Ramp up) ของแปลง G1/61 ให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยเร็ว โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้อัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแปลง G1/61 จะอยู่ประมาณ 400 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน และจะไปถึงเป้าหมายตามที่ได้ตั้งไว้ 800 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน ภายใน 2 ปี

นอกจากนี้ ยังได้มีแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ประกอบด้วย 1.ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจัดหาก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่ม จากแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีศักยภาพ ได้แก่ แหล่งอาทิตย์ แปลง B8/32 และแปลง B-17 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ซึ่งในปัจจุบันก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มนี้ได้ทยอยเข้าระบบแล้ว
2.กำกับดูแลให้ผู้รับสัมปทานทุกรายเตรียมความพร้อมในการผลิตก๊าซธรรมชาติได้เต็มความสามารถตามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ และประสานให้เลื่อนแผนการหยุดซ่อมบำรุงที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
3.ได้ดำเนินการเกี่ยวกับการให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 24 ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต บริเวณทะเลอ่าวไทยจำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย 1.แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/65 พื้นที่ 8,487.20 ตารางกิโลเมตร 2.แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/65 มีพื้นที่ 15,030.14 ตารางกิโลเมตร และ 3.แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G3/65 มีพื้นที่ 11,646.67 ตารางกิโลเมตร

หลังจากมีการออกประกาศเชิญชวนเพื่อเปิดให้ยื่นขอสิทธิฯ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 มีบริษัท 4 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศ 2 บริษัท และต่างประเทศ 2 บริษัท ได้เข้ามาดูข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม จะต้องรอให้ถึงกำหนดที่จะยื่นข้อเสนอในเดือนกันยายนนี้ ก็จะทราบว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลกี่ราย โดยทั้ง 3 แปลงที่เปิดในรอบนี้ เป็นแปลงที่มีศักยภาพมาก และบางแปลงเคยมีการผลิตปิโตรเลียมมาก่อน และยังอยู่ติดกับแปลงที่มีการผลิตในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนสนใจจะเข้ามาลงทุน ประกอบกับราคาปิโตรเลียมในปัจจุบันอยู่ในระดับสูง ยิ่งจูงใจให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น

คาดว่าการเปิดประมูลครั้งนี้ จะก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนมากกว่า 1,500 ล้านบาท จากกิจกรรมการสำรวจปิโตรเลียม และหากมีการค้นพบปิโตรเลียมที่มีสมรรถนะเชิงพาณิชย์ ก็จะเกิดเม็ดเงินลงทุนในการพัฒนา แหล่งปิโตรเลียมอีกระดับหมื่นล้านบาท

สำหรับปีงบประมาณ 2565 (เดือนตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565) กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจัดเก็บรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียม ประกอบด้วย ค่าภาคหลวงปิโตรเลียม SRB และรายได้จากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และค่าตอบแทนในการต่อระยะเวลาการผลิต รวมทั้งสิ้น 27,635.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วจำนวน 3,161.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.92

ส่วนการจัดเก็บรายได้ระหว่างเดือนเมษายน - กันยายน 2565 ซึ่งจะรวมรายได้จากแปลงที่ดำเนินการในระบบสัมปทาน และแปลงที่ดำเนินการในระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (รายได้ประกอบด้วยค่าภาคหลวง ส่วนแบ่งกำไร และค่าตอบแทนการใช้สิ่งติดตั้งของรัฐ) โดยคาดว่าจะมีรายได้จากทั้ง 2 ระบบ รวมทั้งสิ้น 25,653 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้