Last updated: 13 มี.ค. 2566 | 599 จำนวนผู้เข้าชม |
ราช กรุ๊ป เดินหน้าลงทุน 35,000 ล้านบาท
Hilight
•บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชูกลยุทธ์ธุรกิจ 3S: Strength-Synergy-Sustainability ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน
•ยังคงเป็นเป้าหมายปี 66 มี EBITDA ไม่น้อยกว่า 12,000 ล้านบาท จะมีการรับรู้กำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีก 1,207.13 เมกะวัตต์
•และเตรียมงบลงทุนไว้ 35,000 ล้านบาท โดยจะขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า 29,000 ล้านบาท และธุรกิจนอกภาคไฟฟ้า (Non-Power Business) 6,000 ล้านบาท
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทฯ ปี 2566-2570 มุ่งเน้นเป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ 1.การเติบโตของผลตอบแทน โดยตั้งเป้าหมาย EBITDA เติบโตจาก 12,000 ล้านบาท ในปีนี้ เป็น 15,000 ล้านบาท ในปี 2570
2.การขยายธุรกิจ Non-Power กำหนดเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 5% ในปีนี้ และปี 2570 ธุรกิจนี้จะสร้างรายได้เข้ามาเสริมให้บริษัทฯ 5%
3.เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน ให้ได้ 20% ของกำลังการผลิตรวม และเพิ่มขึ้นเป็น 25% ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
4.พัฒนาการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล และเตรียมความพร้อมสำหรับการประกาศความมุ่งมั่นความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2570
การดำเนินงานในปี 2566 จะใช้กลยุทธ์ 3S: Strength-Synergy-Sustainability ซึ่งจะผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯ ในการแข่งขันและลงทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยจะใช้บริษัทร่วมทุน เน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี อินเวสเมนท์ (NREI) เป็นกลไกในการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่แล้วในประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ จำนวน 8 โครงการ กำลังการผลิตรวม 843 เมกะวัตต์ ให้สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ให้ได้ตามเป้าหมาย โดยจะมีกำลังผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นในปี 2567 รวม 518.66 เมกะวัตต์ ปี 2568 เพิ่มขึ้นอีก 918.20 เมกะวัตต์ ปี 2570 เพิ่มขึ้นอีก 252.77 เมกะวัตต์ และปี 2573 เพิ่มขึ้น 213 เมกะวัตต์
โดยในปีนี้จะมีโครงการที่บริษัทฯ จะรับรู้รายได้ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าราช เอ็นเนอร์จี ระยอง โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติสแน็ปเปอร์ พ้อยท์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม ลินคอล์น แก็ป 1&2 ในประเทศออสเตรเลีย โรงไฟฟ้าพลังน้ำค๊อดซาน และซองเกียง 2 และโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน ในประเทศเวียดนาม ส่วนการเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนไพตัน ในประเทศอินโดนีเซีย บริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 นี้
บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสขยายการลงทุนในเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการพลังงานทดแทน และเชื้อเพลิงไฮโดรเจน
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Non-power จะมุ่งเน้นที่ธุรกิจบริการสุขภาพโดยยังคงจับมือกับกลุ่ม PRINC ด้านนวัตกรรมยังดำเนินการผ่านบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด อีกทั้งยังมีการศึกษาความเป็นไปได้การพัฒนากรีนไฮโดรเจน โดยมีแผนจะดำเนินการนำร่องในออสเตรเลียเป็นแห่งแรก ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเห็นความชัดเจน ว่าจะดำเนินการร่วมกับพันธมิตรรายไหน โดยกำลังดูอยู่ว่าจะพัฒนาโครงการใหม่ หรือโครงการที่มีการดำเนินงานอยู่แล้ว
16 พ.ค. 2568
16 พ.ค. 2568
16 พ.ค. 2568
16 พ.ค. 2568