กระทรวงพลังงาน

กระทรวงพลังงานยืนยันดูแลราคาพลังงานต่อเนื่อง

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงฯยังคงดูแลราคาขายปลีกดีเซล แม้การลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตรของกระทรวงการคลัง จะสิ้นสุดในวันที่ 21 ก.ค.นี้ หากระดับราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกผันผวนสูงจนอาจกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน ก็คงจะหารือกระทรวงการคลังในการนำเสนอมาตรการลดผลกระทบให้กับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบ และยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาต่อไป เนื่องจากขณะนี้เป็นรัฐบาลรักษาการ

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวยังเหลือเวลาอีก 2 เดือน ซึ่งทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.)และคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ก็ติดตามเรื่องนี้ใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่ปัจจัยหลักต้องดูในเรื่องของราคาน้ำมันตลาดโลกเป็นสำคัญหากไม่ได้ผันผวนสูงจนเกินไปโดยอยู่ระดับปัจจุบันก็ไม่น่าจะมีปัญหาจนถึงต้องมีมาตรการใดๆ เพิ่มเติมมาช่วยเหลือก็เป็นไปได้

สำหรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงงาน (กกพ.) อยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุนต่างๆ พบว่าราคาก๊าซธรรมชาติเหลวตลาดจร (Spot LNG) ลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ปริมาณก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณก็เพิ่มขึ้นตามแผน โดยจะเพิ่มเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือน ก.ค.นี้ และสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากนั้นเดือนเม.ย.2567 จะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตามสัญญา PSC ส่วนกรณีนโยบายปรับลดค่าไฟ 70 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเรื่องตัวเลขของแต่ละพรรคการเมือง ส่วนจะลดเท่าใดสุดท้ายทาง กกพ.จะต้องไปพิจารณาจากองค์ประกอบหลายๆ อย่าง

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ ทางกระทรวงพลังงาน ก็พยายามจะมอบนโยบายต่างๆที่ดำเนินการไว้ ไม่ให้เป็นภาระกับรัฐบาลชุดใหม่ และเชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลคงไม่กล้าปฏิเสธที่ต้องขับเคลื่อนไทยไปสู่สังคมคาร์บอนด์ต่ำหรือความเป็นกลางทางคาร์บอนด์ (Carbon neutrality) การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า(EV) รวมไปถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ส่วนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2023) ก็ทำต่อไป และนโยบายอื่นๆ เพื่อส่งมอบให้กับรัฐบาลใหม่พิจารณายังคงทำต่อเนื่อง ส่วนการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา คงต้องเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่เข้ามาสานต่อ