เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด

เชฟรอนยืนยันลงทุนในไทยต่อ

นายชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ยื่นขอต่ออายุสัมปทานแหล่งผลิตปิโตรเลียมไพลินที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2571 เพื่อขยายอายุสัมปทานออกไปอีก 10 ปีถึงปี2581 เนื่องจากเห็นศักยภาพในการผลิตปิโตรเลียมต่อไปได้อีกในอนาคต ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน

ทั้งนี้ หากบริษัทได้ต่ออายุสัญญาสัมปทานแหล่งฯไพลิน จะทำให้มีศักยภาพและความคุ้มค่าในการพัฒนาการผลิตน้ำมันดิบในแหล่งปิโตรเลียมอุบล ซึ่งอยู่ในพื้นที่สัมปทานของแหล่งไพลินที่เชฟรอนเป็นผู้ดำเนินการอยู่

นายชาทิตย์ กล่าว ถึงการลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลขG2/65 ระหว่างบริษัท เชฟรอน ออฟชอร์(ประเทศไทย) จำกัดกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติว่า บริษัทจะดำเนินการสำรวจด้วยวิธีการทำเจาะหลุมสำรวจเพื่อดูโครงสร้างทางธรณีวิทยา และความเป็นไปได้ในการผลิตปิโตรเลียม ซึ่งจะใช้เวลาในสำรวจแปลงดังกล่าวไม่เกิน 6 ปี หากพบว่ามีศักยภาพเชิงพาณิชย์ บริษัทก็จะเร่งดำเนินพัฒนาผลิตปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ ลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)จากต่างประเทศ และราคาก๊าซฯในอ่าวไทยจะมีราคาต่ำกว่าราคาก๊าซLNGจากต่างประเทศ

แปลงสำรวจปิโตรเลียมG2/65 เบื้องต้นทางธรณีวิทยามีศักยภาพพบปิโตรเลียม เนื่องจากเป็นแปลงต่อเนื่องจากแหล่งไพลินที่เชฟรอนดำเนินการผลิตอยู่ โดยคาดว่าแปลงสำรวจในอ่าวไทย G2/65ส่วนใหญ่เป็นก๊าซธรรมชาติ และมีน้ำมันดิบบางส่วน

เนื่องจากไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจากประเทศ ขณะที่แหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทยก็ค่อยๆ ลดลง ดังนั้น จึงอยากเห็นการผลักดันพัฒนาพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างไทย-กัมพูชาจากรัฐบาลทั้ง2ประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

สำหรับแผนการลงทุนในปี2566 บริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเจาะหลุมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติมหวังรักษากำลังการผลิตปิโตรเลียมไว้ จากปัจจุบันบริษัทฯมีแหล่งผลิตปิโตรเลียมในไทยอยู่ 2 แหล่ง คือ แหล่งผลิตปิโตรเลียมไพลิน (B12/27) กับแหล่งผลิตปิโตรเลียมเบญจมาศ (B8/32)

โดยเชฟรอนมีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติรวมประมาณ 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน น้ำมันดิบ 15,000บาร์เรล/วันและคอนเดนเสท 15,000 บาร์เรล/วัน คิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของปริมาณการผลิตเดิมก่อนที่เชฟรอนจะส่งมอบแหล่งG1/61 (เอราวัณ)ให้กับปตท.สผ.เมื่อเม.ย.2565