กระทรวงพลังงาน

Last updated: 14 ก.พ. 2568  |  688 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กระทรวงพลังงาน

‘พีระพันธุ์’ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับลดค่าไฟฟ้า ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อหาแนวทางปรับลดค่าไฟมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 เพื่อหาทางปรับลดค่าไฟให้ได้ต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย และมีแนวโน้มว่าจะทำได้ แต่ต้องปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างและหลักเกณฑ์หลายอย่าง โดยเฉพาะการปรับระบบ Pool Gas แต่ในช่วงต้นปี 2568 มีประเด็นเพิ่มเติมเรื่องจะให้ลดค่าไฟลงมาเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งกำกับดูแลเรื่องค่าไฟ บอกว่าสามารถลดได้ ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ตนในฐานะรัฐมนตรีพลังงานพยายามบริหารจัดการอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้มีการขึ้นค่าไฟทุก 4 เดือน จนสามารถตรึงค่าไฟไว้ได้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วยไว้ได้ตลอดปี แต่ข้อเสนอล่าสุดของ กกพ. ก็มีประเด็นที่อาจทำไม่ได้

“ทุก 4 เดือน ต้องพยายามบริหารจัดการไม่ให้มีการขึ้นค่าไฟ ถ้าลดไม่ได้ก็อย่าขึ้น ดังนั้น ปี 2567 จึงได้ค่าไฟที่ 4.18 บาทมาตลอด ส่วนงวด มกราคม-เมษายน 2568 มีการปรับลดลงมาเหลือ 4.15 บาท ซึ่งถ้าไม่ทำอะไรค่าไฟอาจจะขึ้นไป 5 บาทกว่า หรือ 4 บาทปลาย ๆ และอีกไม่กี่เดือนก็ต้องดูค่าไฟงวด พฤษภาคม-สิงหาคม 2568 ทุกครั้งก็ต้องไปขอให้มีการลดค่าไฟ ครั้งนี้ กกพ. บอกว่าลดได้ก็ดีใจ แต่ประเด็นคือ กกพ. บอกว่าการลดนี้ให้เป็นนโยบายรัฐบาล ให้ไปเลิกสัญญา Adder กับสัญญาที่เป็นปัญหา ที่เป็นสัญญาไม่มีวันหมด เราก็พยายามศึกษาแก้ปัญหาเรื่องนี้ เพราะไปเซ็นสัญญากันไว้ตั้งแต่ยุคไหน ซึ่งสัญญานี้ต่ออายุไปเรื่อย ๆ ทุก 5 ปี ไม่มีวันหมด แล้วก็ราคาก็สูงเกินปกติ เพราะฉะนั้นทำไม่ได้ที่บอกว่าให้ลด 17 สตางค์ โดยวิธีเลิกสัญญา ถ้าเลิกก็โดนฟ้อง ตอนนี้กําลังศึกษาว่ามีวิธีการอะไรที่จะแก้ไขสัญญาทั้งสองแบบนี้อยู่ เพราะประเด็นที่เสนอโดย กกพ. ทำไม่ได้

ทางออกในการแก้ปัญหาค่าไฟ สามารถบริหารจัดการเชื้อเพลิง เพราะปัจจุบันประเทศไทยใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟจาก อ่าวไทย เมียนมา และจากต่างประเทศ โดยเฉพาะตะวันออกกลางที่นำเข้ามาเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งมีราคาแพงและอิงราคาตลาดโลกที่ผันผวนตลอดเวลา หากปรับพอร์ต Pool Gas ให้เป็นสัดส่วนชัดเจน ระหว่างการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าและการนำไปใช้ในอุตสาหกรรม จะทำให้ค่าไฟลดลงได้อีกถึงเกือบ 40 สตางค์ โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อให้ทันค่าไฟงวดต่อไป

ปัญหาค่าไฟต้องแก้ไขเยอะมาก เพราะมีค่าก๊าซ ค่าถ่านหิน ค่าขนส่ง ค่าบริหารจัดการเงินกู้ของผู้ประกอบการ กำลังคิดว่าต้องทำอย่างไรให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กลับมาแข็งแรง เป็นหลักให้กับประชาชนในเรื่องการผลิตไฟฟ้าได้ รวมทั้งการกําหนดค่าไฟให้ถูกต้องเป็นธรรมมากขึ้น

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ มีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจจะมีช่องโหว่ในการกำหนดราคาก๊าซ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะดูแลประชาชนไปถึงเรื่องของก๊าซด้วย กรณีของก๊าซหุงต้ม LPG และก๊าซที่ใช้สำหรับรถยนต์ ได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้งผู้ชำนาญการช่วยกันทบทวนเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายในส่วนของก๊าซ เพื่อดูแลการกำหนดราคาให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ส่วนร่างกฎหมายเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ พรรครวมไทยสร้างชาติได้ยื่นร่างกฎหมายนี้เข้าสภาฯไปแล้ว ขณะที่กระทรวงพลังงานก็จะเสนอร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าสู่สภาฯ ในเร็ว ๆ นี้ ขณะนี้รอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างฯ ของกระทรวงพลังงานแล้วเสร็จ ก็จะเร่งนำเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์ คาดว่าจะใช้เวลา 15-20 วัน ก่อนนำส่งเข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาประกอบกับร่างฯ ที่เสนอจากพรรคการเมือง

ทางด้าน นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า เรื่องค่าไฟฟ้าที่ กกพ. เสนอให้ลดลง 17 สตางค์ จากการเจรจากับ SPP และ VSPP ที่มีค่า Adder และ FiT ซึ่งเป็นสัญญาต่ออัตโนมัติทุก 5 ปี ในฐานะที่ กกพ. เป็นผู้เสนอนโยบายต่อภาครัฐ ยังเห็นว่าเป็นช่องทางในการลดค่าไฟได้ ส่วนข้อกังวลด้านกฎหมาย จำเป็นต้องหารือแต่ละสัญญา หากภาคนโยบายเห็นว่าต้องหารือร่วมกัน กกพ. ก็ยินดีสนับสนุน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสัญญา

ดังนั้นจึงมองว่าการลดค่าไฟ 17 สตางค์ ยังสามารถทำได้ แต่ต้องเจรจากันในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ส่วนจะลดได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ต้องหารือกัน อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อเสนอการลดค่าไฟ 40 สตางค์ เป็นนโยบายของ รมว.พลังงาน จะมีแนวทางเช่นไร ยังต้องติดตามและชี้แจงต่อสาธารณชนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้