Last updated: 17 ก.พ. 2568 | 1982 จำนวนผู้เข้าชม |
กกพ. ยืนยันต้องแก้สัญญาลดค่าไฟให้ประชาชน
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยืนยันเสนอเรื่องให้ฝ่ายนโยบายมีมติแก้สัญญา เจรจาลดค่าไฟฟ้า 17 สตางค์/หน่วย โดยเจรจากับผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าเอกชนที่ได้ Adder และ FiT ให้ปรับลดค่าไฟฟ้า ไม่ใช่แก้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยยกหลักการความเป็นธรรมต่อประชาชนในการเจรจา และเอกชนจะมีอำนาจเหนือประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อขายไฟแพง
นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา กรรมการ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กกพ. ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 กกพ. มีมติให้สำนักงาน กกพ. นำเสนอทางเลือกให้ภาคนโยบายทบทวนและปรับปรุงเงื่อนไขการสนับสนุนทั้งในรูปแบบส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) และ Feed in Tariff (FiT) ผ่านการอุดหนุนราคารับซื้อไฟฟ้าในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) เพื่อให้การอุดหนุน Adder และ Feed in Tariff (FiT) สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง จะทำให้ค่าไฟสามารถปรับลดลงได้ทันทีประมาณ 17 สตางค์ต่อหน่วย ยืนยันว่าสามารถทำได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ กกพ. ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 65 (1) ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ภายใต้นโยบายและแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติให้ความเห็นชอบ ให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการของผู้รับใบอนุญาตแต่ละประเภท โดย (1) “ควรสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงและคำนึงถึงผลตอบแทนที่เหมาะสมของการลงทุนของการประกอบกิจการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ” ซึ่งหมายความว่า การปรับตามต้นทุนที่แท้จริง
ในส่วนของค่าไฟฟ้าที่ กกพ. พิจารณาจะมีค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ (Policy Expense) ซึ่งก่อนหน้านี้คือมาตรการส่งเสริมพลังงานสะอาดที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ทำไว้ 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.กำหนดปริมาณ 2.กำหนดราคา 3.กำหนดประเภทเชื้อเพลิง และ 4.วิธีการจัดหา เมื่อมีการจัดหาแล้วมีประเด็นเรื่องค่าไฟฟ้าเกิดขึ้น จึงเข้าตามมาตรา 11 (4) ที่ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ กำหนดระเบียบและหลักเกณฑ์ในการจัดหาไฟฟ้าและออกประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้า รวมทั้งกำกับดูแลขั้นตอนการคัดเลือกให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงเสนอให้มีการปรับให้เกิดความสมดุล
ซึ่งเรื่องการแก้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าคงแก้ไม่ได้ แต่สามารถที่จะเจรจาเรื่องราคาค่าไฟฟ้าได้ ถ้า กพช. มีมติให้แก้ต้นทุนค่าไฟฟ้าใหม่แล้ว สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะเมื่อ Adder และ FiT หมดแล้ว ยังขายไฟได้ในราคาขายส่งที่ 3.29 บาทต่อหน่วย บวกค่า Ft ซึ่งถือว่ายังสูงกว่าค่าไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเฉลี่ยที่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (สนพ.) คำนวณได้ ประมาณ 2.16 บาทต่อหน่วย ในขณะที่บางโครงการยังต้องซื้อไฟฟ้า 11 บาทต่อหน่วยต่อไป
“กกพ. จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมาย และหลักการสัดส่วนในทางแคบ คือ “ประโยชน์ของมหาชนมากกว่าประโยชน์ของเอกชน” โดยการปรับลดกำไรของเอกชน จึงทำเรื่องเสนอไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว และมีการนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อให้มีมติในการคำนวณต้นทุนค่าไฟฟ้าใหม่ แต่เรื่องเงียบไป และเคยเสนอเรื่องนี้ในสมัย พล.อ. ประยุทธ์ จันทรโอชา ซึ่งได้มีการส่งไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดมีการตีความ แต่เป็นการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการแก้สัญญา” นายวรวิทย์ กล่าว
หากผู้ประกอบการายใดที่ไม่เข้าตามมาตรา 65 (1) และผู้ประกอบการที่คืนทุนแล้ว จะมีการขอปรับลดราคาค่าไฟฟ้า ซึ่งต้องให้ กพช. มีมติตรงนี้ออกมา กกพ. พร้อมจะดำเนินการตามมตินั้น แม้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในการเจรจา เพราะ “เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม” ก็ต้องดูว่าสัญญาแต่ละรายนั้นเป็นธรรมหรือไม่ และการเจรจาสามารถทำได้ เพราะ “สัญญาจะไปเกินกว่ากฎหมายได้อย่างไร” หมายความว่าสัญญาจะไปทำเกินกว่ากฎหมายได้หรือไม่ การที่เอกชนทำสัญญาที่เอาเปรียบประชาชนได้หรือไม่ ทำให้รัฐรับซื้อค่าไฟในราคาสูง ซึ่งก็จะเข้าข่ายกฎหมายการปกครองที่ว่า “ผลประโยชน์ของประชาชนอยู่เหนือเอกชน”
นอกจากนี้ การซื้อขายไฟฟ้าทั่วโลกจะมีระยะเวลาสัญญา 25 ปี แล้วมาคำนวณต้นทุนใหม่ ดังนั้น “อย่าเอาสมมติฐานมาเป็นข้อเท็จจริง” ถ้าไม่แก้ระบบพลังงานให้ดี จะทำให้พื้นฐานของประเทศเสียหาย อย่าไปบิดเบือนราคามากเกินไป
อย่างไรก็ตาม จะเริ่มจากสัญญาตัวไหนก่อน จะดูว่ามีเอกชนรายใดที่มาขอใบอนุญาตปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งต้องขอใบอนุญาต ถือว่าทำให้เกิดต้นทุนใหม่ แล้วทำไมไม่มีการแก้ต้นทุน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรจะทำ เพราะต้องช่วยประชาชน กกพ. ต้องการปรับสมดุลของค่าไฟฟ้า ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้ประการต้องเสียหาย และผู้ใช้ไฟฟ้าต้องไม่ซื้อไฟฟ้าในราคาเกินจริง
กกพ. ต้องทำหน้าที่ดำเนินการในการเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามมาตรา 11 (12) โดยขอให้ฝ่ายนโยบายจัดการกับต้นทุนค่าไฟฟ้าในส่วนค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ (Policy Expense) อันประกอบด้วย โครงการ Adder และ Feed in Tariff (FiT) ซึ่งมีต้นทุนการรับซื้อไฟฟ้าสูงกว่าราคาต้นทุนจริงในภาวะปัจจุบัน และโครงการผลิตไฟฟ้าแบบ Adder เหล่านี้ไม่มีวันสิ้นสุดสัญญา เป็นเหตุให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น
13 มิ.ย. 2568
13 มิ.ย. 2568
13 มิ.ย. 2568
13 มิ.ย. 2568