ปตท. จำกัด (มหาชน)

ปตท. เตรียมนำ Allnex จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศ

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา ปตท. ดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ใหม่ที่กลับมาเน้นธุรกิจหลัก Hydrocarbon ที่ถนัดและเชี่ยวชาญ ทบทวนกลยุทธ์ Non-Hydrocarbon เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มี Synergy ในกลุ่ม ปตท. รวมถึงเน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน บริหารต้นทุน ด้วยการทำ Operational Excellence ทั้งกลุ่ม ปตท.

ปตท. อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยจะลงทุนในกลุ่มธุรกิจหลัก อาทิ น้ำมัน และก๊าซ ส่วนธุรกิจอื่นอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเดินหน้าต่อ หรือจะหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ๆ เข้ามาร่วมด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจปิโตรเคมี และโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่ค่อยดี แต่ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนที่ยังมีอำนาจในการบริหารจัดการได้ โดยไม่มีแผนที่จะควบรวมบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้เข้าด้วยกัน เช่น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)

แม้ว่าธุรกิจปิโตรเคมีในภาพรวมยังไม่ค่อยดี แต่การดำเนินของ Allnex ที่ GC เข้าไปลงทุน และมีแผนที่จะขยายการลงทุนมาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังมีการเติบโตและยังเป็นธุรกิจที่ดี ดังนั้น มีแผนที่จะขยายการเติบโตด้วยการนำ Allnex เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาขยายกิจการ

GC ได้เข้าลงทุนใน Allnex Holding GmbH ผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins ตั้งแต่ปี 2564 โดย Allnex ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท สามารถใช้กับเทคโนโลยีการเคลือบที่หลากหลายและครอบคลุมการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ เหล็ก ยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นการพัฒนาแอพพลิเคชันการเคลือบต่าง ๆ โดยมีเครือข่ายโรงงานการผลิตที่ทันสมัย 33 แห่ง ใน 18 ประเทศ ศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยี 23 แห่ง

ในปีนี้ ปตท. มีแผนที่จะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ประมาณ 10-11 ล้านตัน จากปี 2567 มีการนำเข้า 9.6 ล้านตัน

สำหรับธุรกิจ Life Science ผ่านการลงทุนในบริษัท อินโนบิก (เอเชีย) จำกัด ต้องขับเคลื่อนได้ด้วยธุรกิจเอง โดยการจัดหา self-funding และกำลังหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทุน เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้น เพราะยังมีบางธุรกิจที่เข้าไปลงทุนแล้ว สร้างรายได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการลงทุนใน Lotus แต่กำลังศึกษาว่าจะเติบโตด้วยตัวเองได้อย่างได้ และปีที่ผ่านมายังรับรู้รายได้จากการจำหน่ายเงินลงทุนใน บริษัท Alvogen Malta (Out-licensing) Holding Ltd. มูลค่า 4,500 ล้านบาท

ธุรกิจ Logistics จะลดบทบาทลง เพราะไม่สอดคล้องกับธุรกิจหลักของ แต่จะมุ่งเน้นต่อยอดและมีการ Synergy ภายในกลุ่ม ปตท. ซึ่งปีที่ผ่านมาธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย สร้างมูลค่าเพิ่ม 110 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากความร่วมมือภายในกลุ่ม

สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2568-2572) ได้มีการตั้งงบลงทุนรวม 55,000 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2568 จะใช้งบลงทุน 25,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ อาทิ ท่อก๊าซฯ ท่าเรือ เทรดดิ้ง

ผลประกอบการปี 2567 ปตท. และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขาย 3,090,453 ล้านบาท ลดลง 1.7% จากปี 2566 จากราคาขายและปริมาณการขายลดลง มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) 396,234 ล้านบาท และลง 7.2% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 90,072 ล้านบาท ลดลง 19.6%