Last updated: 9 มิ.ย. 2568 | 68 จำนวนผู้เข้าชม |
พิธีส่งมอบ ส่วนบนของแท่นหลุมผลิต
ระหว่าง เชฟรอน - ปตท.สผ.อีดี เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ใหม่ในแปลง G1/61 และ G2/61
นายกำพล กำเนิดศิริ ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีการประกอบกิจการปิโตรเลียม เป็นผู้แทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติร่วมพิธีส่งมอบส่วนบนของแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม (Topside) ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จำนวน 3 แท่น พร้อมอุปกรณ์ ของ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และบริษัทผู้ร่วมทุน ให้แก่ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ.อีดี) ซึ่ง ปตท.สผ. อีดี ได้ดำเนินการจัดซื้อ Topside ดังกล่าวจากเชฟรอน เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ที่แท่นหลุมผลิตในแปลงสำรวจปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 และ G2/61 ที่ ปตท.สผ. อีดี เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต โดยมี นางทรรศนีย์ หงษ์ไกรเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายบริหารซัพพลายเชน ผู้แทนจากเชฟรอน และนายชาญ กานต์จรรยา ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวางแผนกลุ่มงานโครงการผลิตในประเทศ ผู้แทนจาก ปตท.สผ. อีดี เข้าร่วมในพิธี ซึ่งพิธีส่งมอบดังกล่าวจัดขึ้น ณ ท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ในฐานะหน่วยงานกำกับ ดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล จึงได้สนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของผู้รับสัมปทานให้มีกิจกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม
ดังนั้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจึงได้อนุญาตให้ผู้รับสัมปทานบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด โอนส่วนบนของแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม (Topside) ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วให้แก่ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ โดยในการดำเนินงานที่ผ่านมา เชฟรอน และบริษัทผู้ร่วมทุน ได้ทยอยดำเนินการส่งมอบ Topside จำนวน 3 แท่น พร้อมอุปกรณ์ ให้แก่ ปตท.สผ. อีดี ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2568 และได้ส่งมอบแล้วเสร็จในวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ด้วยความปลอดภัย
การส่งมอบ Topside เพื่อนำไปใช้ใหม่ในครั้งนี้ จะช่วยลดการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียมในต่างประเทศ และลดระยะเวลาในการจัดหาและก่อสร้าง Topside ใหม่ ทำให้สามารถติดตั้งหลุมผลิตได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณการจัดการของเสียจากเหล็กที่เกิดจากการรื้อถอนประมาณ 2,369 ตัน และทำให้สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือก๊าซคาร์บอนทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ถึง 4,725 ตันอีกด้วย
9 มิ.ย. 2568
9 มิ.ย. 2568
9 มิ.ย. 2568
6 มิ.ย. 2568