Last updated: 13 มิ.ย. 2568 | 109 จำนวนผู้เข้าชม |
กลุ่มบริษัทบางจากย้ำความพร้อมด้าน SAF
ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ผู้นำการบินยั่งยืนในระดับภูมิภาค
ในเวที ASAFA IPS Thailand 2025
นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทบางจากในการขับเคลื่อนระบบนิเวศของน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ของประเทศไทย ในเวทีเสวนาหัวข้อ “Scaling Advanced SAF in Thailand: From Biomass to Global Markets” ในงาน ASAFA Innovation & Policy Summit (IPS) Thailand 2025
นางกลอยตา กล่าวว่ากลุ่มบริษัทบางจากสนับสนุนข้อเสนอมาตรการกำหนดสัดส่วนผสม SAF (SAF Blending Mandate) ขั้นต้นที่ร้อยละ 1 ในปี 2569 สำหรับประเทศไทย แม้มาตรการนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าจะช่วยสร้างความชัดเจนให้แก่ผู้ผลิตและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมแสดงความเห็นว่า แม้ต้นทุน SAF ยังสูงกว่าน้ำมันเครื่องบินทั่วไปในปัจจุบัน การผสมในสัดส่วนร้อยละ 1 จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าโดยสารอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งการลงทุนใน SAF ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาว
กลุ่มบริษัทบางจากเป็นผู้บุกเบิกการผลิต SAF ชนิด Neat SAF (100%) จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) รวมถึงวัตถุดิบทางเลือกอื่น ๆ เช่น ของเหลือทิ้งจากภาคอุตสาหกรรมและบริการ
โดยกระบวนการผลิตอยู่ภายใต้การรับรองมาตรฐานระดับสากลจาก International Sustainability and Carbon Certification (ISCC) นอกจากนี้ ยังมีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญคือระบบท่อส่ง SAF ที่เชื่อมต่อโดยตรงจากหน่วยผลิต SAF ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง สู่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งช่วยสนับสนุนการกระจายเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการนำระบบ Book & Claim และตลาดคาร์บอนมาใช้เพื่อสะท้อนผลการลดการปล่อยคาร์บอนจากการบินอย่างแท้จริง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สายการบินและลูกค้า
ด้านวัตถุดิบ นางกลอยตากล่าวว่า หน่วยผลิต SAF ของกลุ่มบริษัทบางจากใช้น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต SAF แต่ยังมองเห็นโอกาสในการนำน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) มาใช้เป็นทางเลือก
เชิงกลยุทธ์เพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลก และมีทรัพยากรอยู่มากเพียงพอ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อผลิต SAF ได้อย่างมีศักยภาพ ทั้งนี้ แม้ CPO จะยังไม่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน EU RED II หรือ ICAO CORSIA แต่ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะพัฒนาระบบรับรองที่เข้มงวดและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะช่วยสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศ นอกจากนี้ นางกลอยตายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควบคู่กับการจัดทำกรอบปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง SAF ของภูมิภาค
การเสวนาดังกล่าวดำเนินรายการโดย Mr. Gabriel Ho, Founder & CSO of Asia Sustainable Aviation Fuel Association (ASAFA) ร่วมด้วยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ดร.เสกสรรค์ พรหมนิช รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคุณธันยวีร์ พงษ์วัฒนาสุข กรรมการผู้จัดการธุรกิจเอทานอล กลุ่มมิตรผล ซึ่งร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนา SAF เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเศรษฐกิจการบินคาร์บอนต่ำระดับโลก โดยเฉพาะศักยภาพของไทยในฐานะผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่ ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เทคโนโลยี Alcohol-to-Jet (AtJ) ได้อย่างมีศักยภาพ
ASAFA IPS Thailand 2025 จัดโดย Asia Sustainable Aviation Fuel Association (ASAFA) ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวนโยบาย เทคโนโลยี และรูปแบบการลงทุน เพื่อเร่งการพัฒนา SAF ในภูมิภาคเอเชีย
13 มิ.ย. 2568
13 มิ.ย. 2568
13 มิ.ย. 2568
13 มิ.ย. 2568