บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

BPP คาดไตรมาส 3 ความต้องการใช้ไฟเพิ่ม

นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) เปิดเผยว่า คาดว่าไตรมาส 3 ซึ่งเป็นฤดูร้อนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด จะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้โรงไฟฟ้า Temple I และ Temple II ในสหรัฐฯ มีราคาค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง จะส่งผลให้มาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่การจำหน่ายเงินลงทุนภายใต้โครงสร้าง Tokumei Kumiai (TK) ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 10โครงการ กำลังการผลิตรวม 91.69 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น ให้แก่นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการลงทุนภายใต้การบริหารจัดการโดยบริษัทในเครือของ Actis LLP มูลค่าซื้อขายรวม 19,764 ล้านเยน (เทียบเท่าประมาณ 4,460 ล้านบาท) โดยคาดว่าการจำหน่ายเงินลงทุนดังกล่าว จะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งจะมีการบันทึกรายการเข้ามาในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

ส่วนการขยายการลงทุนโครงการใหม่ ๆ ใหม่สหรัฐฯ ความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยรัฐเท็กซัสเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุด ขณะนี้ BPP อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในหลายโครงการที่กำลังพิจารณาลงทุน

สำหรับโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) โครงการ Cotton Cove คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 และยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ CCUS เพิ่มเติม

บริษัทฯ มีความสนใจลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามเรื่องเทคโนโลยี รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในเทคโนโลยี SMR โดยเน้นการศึกษาประเทศที่มีการลงทุนอย่างจริงจัง เป็นตลาดที่บริษัทฯ มีการลงทุนหรือทำธุรกิจอยู่แล้ว ซึ่งเป็นตลาดที่คุ้นเคย โดยจะต้องดูนโยบายของภาครัฐแต่ละประเทศนั้น ๆ ที่เปิดโอกาสให้เอกชนเข้าไปลงทุนด้วย

สำหรับการเติบโตของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด มีการขยายการลงทุนไปในหลายโครงการ ซึ่งอยู่ในช่วงการเติบโต และจะมีการขยายการลงทุนเพิ่มเติม ผลการดำเนินงานขึ้นอยู่กับความเร็วในการพัฒนาโครงการและการขยายตลาด คาดว่าจะทยอยดีขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว ปัจจุบันมีความก้าวหน้าที่ชัดเจนที่ญี่ปุ่น และความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งความสามารถในการทำกำไรในระยะกลาง หากโครงการเดินหน้าแล้วก็จะทำให้บริษัทฯ ได้กำไร ส่วนแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคงติดตามและพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับทางสภาวะตลาดและความพร้อมของธุรกิจ เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบและสร้างคุ้มค่ากับผู้ถือหุ้นในระยะยาว