บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

Last updated: 14 พ.ย. 2568  |  68 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

WHA Group เสิร์ฟข่าวดี 2 เด้ง โชว์ 9 เดือน กำไรปกติแตะ 3,787 ล้านบาท โต 14% (Y-Y)
ส่งสัญญาณทุบสถิติ สร้าง All Time High ต่อเนื่อง ตามแผนงาน เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาท/หุ้น จ่อ XD 27 พ.ย.นี้

บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ฟอร์มแกร่ง โชว์งบ 9 เดือนแรกปี 2568 รายได้รวมและ ส่วนแบ่งกำไรปกติ 11,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% (Y-Y) ขณะที่กำไรปกติพุ่งแตะ 3,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% (Y-Y) ขณะที่บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาท/หุ้น จ่อ XD วันที่ 27 พ.ย.นี้ ด้าน Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” ส่งซิกรอปิดดีลเจรจาลูกค้าภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่ รวมกลุ่ม Data Center ที่สนใจลงทุนในนิคมฯ WHA ระดับ 1,000 ไร่ พร้อมปักหมุดผู้นำศูนย์กลางภูมิภาคในด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งระบบสาธารณูปโภค ความมั่นคงด้านพลังงาน - พลังงานหมุนเวียน และเชี่ยวชาญศักยภาพด้านแรงงาน ที่ตอบโจทย์ครบทุกมิติ

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group รายงานผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือนแรกปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 12,079 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,690 ล้านบาท โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 11,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% และกำไรปกติ 3,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% (Y-Y) จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่งวดไตรมาส 3/2568 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 2,681 ล้านบาท ลดลง 16% และกำไรสุทธิ 634 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,662 ล้านบาท และกำไรปกติ 638 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือน ปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.0669 บาท ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 พร้อมกันนี้ บริษัทได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนโครงสร้างรายได้ที่มั่นคงของบริษัท ตลอดจนความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินใน 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค-พลังงาน ดิจิทัล และโมบิลิตี้

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่นของกลุ่มบริษัทจากกลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรผ่าน 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย

ธุรกิจโลจิสติกส์ : ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มรวม 154,012 ตร.ม. เป็นมูลค่าสัญญารวม 1,739 ล้านบาท และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวน 73,407 ตร.ม. โดยบริษัทมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 3,175,486 ตร.ม. โดยในไตรมาส 3 ของปี 2568 บริษัทมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปจำนวน 30,775 ตร.ม.

และล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการเข้าเซ็นต์สัญญากับลูกค้ารายใหญ่อีกหลายราย อาทิ กลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ผู้ผลิต/จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึง ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ โดยมีพื้นที่รวมกันกว่า 44,000 ตร.ม. และมูลค่าสัญญากว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยเซ็นสัญญาได้ภายในสิ้นปีนี้

“จากความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนจากโครงการ WHA Mega Logistics Center บางนา-ตราด กม. 23 (ขาเข้า) และ WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 ที่มีผู้เช่าลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่แล้วเกือบเต็มทั้งโครงการ ส่งผลให้บริษัทเดินหน้าพัฒนาโครงการเพิ่มเติมอย่าง WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 (เฟส 3) และยังมีโครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์แห่งแรกที่ประเทศเวียดนามภายในนิคมอุตสาหกรรม มินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยในไตรมาส 3 ปี 2568 มีลูกค้าลงนามเช่าพื้นที่เพิ่ม 7,114 ตร.ม.”

บริษัทมีแผนการขายทรัพย์สินและ/หรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART อีกครั้งภายในไตรมาส 4 ปี 2568 จากเป้าหมายทั้งปี ในการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ฯ พื้นที่ราว 70,000 ตร.ม. มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม : 9 เดือนแรกปี 2568 บริษัทมียอดขายที่ดินรวมจำนวน 1,258 ไร่ ยอด MOU ที่อยู่ในระดับสูงจำนวน 1,806 ไร่ และยอดการโอนที่ดิน 1,363 ไร่ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในภาพรวมยังคงได้รับปัจจัยบวกจากกระแสการย้ายฐานการลงทุน/การผลิต (Relocation) มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของ BOI ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตอย่างต่อเนื่อง นำโดยอุตสาหกรรมดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สอดรับกระแสเศรษฐกิจดิจิทัลและความต้องการอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมียอดขายที่ดินจำนวน 154 ไร่ ยอดการโอนที่ดิน 220 ไร่ และ ณ สิ้นไตรมาส บริษัทมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้าถึง 1,400 ไร่

“WHA อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าชั้นนำจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกค้ากลุ่ม Data Center ที่มีความต้องการใช้พื้นที่ดินระดับ 1,000 ไร่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำของไทยในการเป็นศูนย์กลางภูมิภาคในด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีสมัยใหม่”

WHA Group มีทั้งหมด 17 นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยและเวียดนาม มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 6 โครงการ พื้นที่รวม 10,190 ไร่ ด้านโครงการใหม่ล่าสุดอย่างโครงการ WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 พื้นที่รวม 6,370 ไร่ ได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการและคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงแรกได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2569 ขณะที่เขตอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีการพัฒนาแล้ว บนพื้นที่ 4,241 ไร่ (678.5 เฮกตาร์) ได้แก่ WHA Industrial Zone 1 – Nghe An ที่จังหวัดเหงะอาน (Nghe An) และ WHA Smart Technology Industrial Zone 1 – Thanh Hoa ที่จังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hóa)

ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) : ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2568 รวมเท่ากับ 40.4 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 120.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ โดยประเทศไทยมียอดจำหน่ายน้ำในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2568 จำนวน 30.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 92.0 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ยอดขายน้ำให้กับลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมีจะลดลงเล็กน้อย ด้านปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 28% (YoY) จากความต้องการใช้น้ำของกลุ่มลูกค้าใหม่ พร้อมกันนี้บริษัทรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมจากการขอใช้น้ำเกินกว่าที่จัดสรร (One-time Charge) จำนวน 272 ล้านบาท จากลูกค้าที่มีความต้องการใช้น้ำปริมาณมาก สำหรับประเทศเวียดนาม มีการขยายตัวอย่างโดดเด่น บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 10.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 28.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามยอดจำหน่ายน้ำที่เพิ่มขึ้นของโครงการ Duong River ที่เติบโตตามการขยายพื้นที่การให้บริการให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

ธุรกิจไฟฟ้า : ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีจำนวนเซ็นสัญญา เพิ่มจำนวน 10 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 6 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมจำนวน 322 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 998 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 709 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียนจำนวน 181 เมกะวัตต์) และที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 289 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด

“งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างรอเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์มากกว่า 100 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งยังเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งภายในและภายนอกนิคมฯ ดับบลิวเอชเอ”

ธุรกิจดิจิทัล : เดินหน้ายกระดับไปสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และการทำโครงการ Digital Transformation ในทุกมิติ พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การพัฒนา Mobilix Software Solution ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้าและแบตเตอรี่ เพื่อสนับสนุนธุรกิจโมบิลิตี้

ธุรกิจโมบิลิตี้ : ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 377 คัน ทั้งนี้ บริษัทมุ่งผลักดันธุรกิจโมบิลิตี้ Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าและการให้บริการอย่างครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ทั้ง 3 รูปแบบบริการ อาทิ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า ครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ สะท้อนถึงรางวัลความสำเร็จ อาทิ รางวัล ASEAN CG Scorecard ติดอันดับ Top 50 ครั้งแรก แสดงถึงความสำเร็จด้านธรรมาภิบาลระดับอาเซียน พร้อมกันนี้ ยังได้รับการประเมินตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2568 (CGR) ระดับ ‘ดีเลิศ (Excellent)’ หรือ ‘5 ดาว’ ต่อเนื่อง 8 ปีซ้อน รวมถึงยังได้รับรางวัล EIA Monitoring Awards 2025 ระดับดีเด่น ชู 5 ภารกิจหลัก ภายใต้กรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเพื่อมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 ตามพันธกิจ “WHA: WE SHAPE THE FUTURE”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้