Last updated: 19 พ.ย. 2568 | 103 จำนวนผู้เข้าชม |
ปตท. เดินหน้าขายหุ้นธุรกิจ Non-Hydrocarbon ต่อเนื่อง เป้า 1 แสนล้านบาท
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ ปตท. ยังเดินหน้าปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ Non-Hydrocarbon ซึ่งไมใช่ธุรกิจหลักต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายปี 2568-2569 จะสร้าง Synergy และ Optimization Cash ให้ได้ 100,000 ล้านบาท โดยปรับพอร์ตการลงทุนในธุรกิจ EV Value Chain ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (Horizon Plus) เหลือ 40% ขายหุ้น บริษัท Contemporary Amperex Technology Co., Ltd (CATL) บมจ.ปตท. (PTT) ซึ่งเดิมจะร่วมกับ บริษัท อรุณพลัส จำกัด (Arun Plus) จัดตั้งโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Cell-To-Pack (CTP) ในประเทศไทย รวมถึงจำหน่ายเงินลงทุนใน บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด (NMA) และล่าสุดได้มีการลดสัดส่วนหุ้นใน บริษัท เอไอออเนกซ์ จำกัด (Aionex) บริษัทร่วมทุนระหว่าง Arun Plus กับ บริษัท Kwang Yang Motor Co., Ltd. (KYMCO) และ บริษัท KYMCO Capital Fund I Co., Ltd. (KC) ทำให้ Arun Plus ลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 25.7% ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท Lotus Pharmaceutical Company Limited (Lotus) เพื่อสนับสนุนให้ Lotus มีความคล่องตัวในการขยายตลาดยาในสหรัฐอเมริกา ผ่านการลงทุนในบริษัท New Alvogen Group Holdings Inc. (Alvogen US) ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การเติบโตแบบพึ่งพาตนเอง (Self - Funding) เป็นต้น
ในไตรมาส 4 จะเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของธุรกิจ EV Value Chain โดยกำลังพิจารณาว่าจะขายหุ้นส่วนที่เหลืออยู่ใน Horizon Plus และใน บริษัท เอ็นวี โกชั่น จำกัด (NV Gotion) ซึ่ง บริษัท นูออโว พลัส จำกัด (Nuovo Plus) ร่วมกับ Gotion Singapore Pte. Ltd. จัดตั้งขึ้นเพื่อนำเข้า ประกอบ และจัดจำหน่ายโมดูลแบตเตอรี่และชุดแบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงาน และยานยนต์ไฟฟ้า โดยจะขายออกไปจนหมดหรือเหลือสัดส่วนเท่าไรที่เหมาะสม เพื่อให้พันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญพิจารณาว่าจะขยายการลงทุนต่อไปหรือไม่
รวมทั้งมีการปรับโครงสร้างธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่ให้ บริษัท พีทีที แท้งค์ เทอมินอล จำกัด (PTT Tank) ขึ้นมาเป็น Infrastructure Flag Ship โดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ขายทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณูปโภค อาทิ ถังเก็บปิโตรเลียม ท่าเทียบเรือ เป็นต้น ให้กับ PTT Tank ทำให้ GC และ TOP ได้รับกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น และในอนาคต PTT Tank จะเป็นธุรกิจที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จากการที่เริ่มขยายธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับตัวให้รองรับการลงทุนในอนาคต โดยมีนักลงทุนให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรจำนวนมากโดยเฉพาะกองทุนต่าง ๆ
สำหรับกระแสเงินสดจากการขายทรัพย์สินต่าง ๆ จะมีการนำมาลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ทันที อาทิ ธุรกิจการค้าและการลงทุน ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ทำได้แล้วกว่า 2.2 ล้านตัน และอยู่ระหว่างลงนามสัญญา LNG ระยะยาว 1.6 ล้านตัน โดยตั้งเป้าจะทำ Trading LNG ให้ได้ 10 ล้านตัน
ในขณะที่การปรับพอร์ตกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่ระหว่างการหารือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ คาดว่าจะสรุปผลได้ปีหน้า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ซึ่งผลประกอบการไม่ค่อยดี และวัฒนธรรมองค์กรไม่เหมือน ปตท. มีคำถามว่า ปตท. จะขายหุ้นออกไปทั้งหมดหรือไม่ นายคงกระพัน กล่าวว่า ไออาร์พีซีเป็นบริษัทลูก ปตท. ที่เหมือนกับบริษัทในกลุ่มอื่น ๆ ยังคงมีการดำเนินการเหมือนกัน คือ การหาพันธมิตรเข้ามา การดำเนินการตามนโยบาย ปตท. ในการลดต้นทุน สร้างกระแสเงินสด และ Synergy กับบริษัทอื่นในกลุ่ม ปตท.
สำหรับการลงทุนใน เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อกำหนดแนวทางส่งเสริมและผลักดันเทคโนโลยี CCS ให้เกิดการใช้งานจริงในไทย พร้อมทั้งศึกษาและนำเสนอความเป็นไปได้ของการใช้ Hydrogen และ Ammonia Co-firing เป็นพลังงานทางเลือกในประเทศ โดยจะเริ่มโครงการนำร่องที่แหล่งอาทิตย์ในอ่าวไทย จะเริ่มดักจับและกักเก็บคาร์บอนในปี 2571 สามารถกักเก็บได้สูงสุดประมาณ 1 ล้านตันต่อปี โครงการดังกล่าวจะเป็นต้นแบบสำคัญสำหรับการพัฒนา CCS ในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทย รวมถึงการพัฒนา CCS Hub ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในอนาคต
19 พ.ย. 2568
19 พ.ย. 2568
19 พ.ย. 2568
19 พ.ย. 2568