Last updated: 26 เม.ย 2563 | 1150 จำนวนผู้เข้าชม |
GPSC เตรียมนำ GLOW จากตลาดหุ้นปลายปีนี้
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการควบรวมกิจการกับ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ว่า หลังจากที่ได้มีการชำระค่าหุ้นให้กับ บริษัท เอ็นจี โกลบอล ดีเวลลอปเม้นท์ บี.วี. เพื่อซื้อหุ้น 69.11% ในราคาหุ้นละ 91.9906 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 93,000 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2562 เรียบร้อยแล้ว ทาง GPSC เตรียมที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด (Tender Offer) ของ GLOW อีก 30.89% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GLOW ในราคาเดียวกันกับธุรกรรมการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทและผู้ขาย โดยมีกำหนดที่จะดำเนินการในวันที่ 22 มีนาคม 2562 นี้
ซึ่งหาก GPSC สามารถที่จะซื้อหุ้นรวมกันทั้งหมดได้เกินกว่า 80% ขึ้นไป ก็จะต้องนำ GLOW ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 1 ปี คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นเร็วสุดในช่วงปลายปีนี้
หลังจากนั้น บริษัทก็จะศึกษาโมเดลธุรกิจการดำเนินงานร่วมกัน คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยเบื้องต้น GPSC และ GLOW ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการตามแผนงานปกติต่อไป แต่หลังจากที่นำ GLOW ออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะมีการวางแผนการดำเนินงานภายใต้ GPSC ซึ่งจะเห็นทิศทางการขยายธุรกิจที่ชัดเจนภายในปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตจะนำประสบการณ์จาก GLOW ในการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPP) มาใช้เป็นกลไกที่เหมาะสมในการลงทุน IPP ใหม่
สำหรับการเข้าซื้อกิจการ GLOW จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตในมือเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1,955 เมกะวัตต์ เป็น 4,726 เมกะวัตต์ แต่เมื่อรวมกับกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนที่จะเข้ามาภายในปีนี้ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ 40 เมกะวัตต์ ในช่วงเดือนเม.ย. โครงการน้ำลิก 1 และโครงการไซยะบุรี ที่จะเข้ามาในปีนี้ และศูนย์ผลิตสาธารณูปการระยองแห่งที่ 4 (CUP-4) จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเกินกว่า 5 พันเมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่จะลงทุนในหน่วยผลิตไฟฟ้าในโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ขนาด 250 เมกะวัตต์ ก็จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากการลงทุนใน GLOW แล้ว บริษัทยังมีเงินทุนเพื่อรองรับการเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งมากจากสถาบันการเงินที่ได้มีการเจรจาขอกู้เงินไว้แล้ว
ปัจจุบัน GPSC มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ประมาณ 3-4 พันล้านบาท/ปี ขณะที่ GLOW มี EBITDA ประมาณ 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท/ปี ทำให้คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ระดับ 3.36 พันล้านบาท
ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากการปรับโครงสร้างทางเงินแล้วก็จะมีความชัดเจนการลงทุนมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทยังมีวงเงินกู้ระยะยาวรองรับการลงทุน 5 พันล้านบาท และในปีนี้มีแผนใช้เงินลงทุน ไม่รวมการซื้อกิจการ GLOW ในวงเงินไม่เกิน 6 พันล้านบาท
ในอนาคตบริษัทจะยังคงเติบโตตามการขยายงานของกลุ่ม ปตท. โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาและทดสอบการคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ในการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน โดยใช้เทคโนโลยี 24M คาดว่าจะรู้ผลในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไปหรือไม่
ด้านนางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและบัญชีองค์กร GPSC กล่าวว่า บริษัทเตรียมปรับโครงสร้างทางการเงินใหม่ คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการได้ในปลายไตรมาส 2 เบื้องต้นจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 7.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการในช่วงไตรมาส 3 และปรับหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว หรืออาจเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงิน หรือออกหุ้นกู้ ที่ปัจจุบันกำหนดวงเงินออกหุ้นกู้ได้ไม่เกิน 6.85 หมื่นล้านบาท
8 พ.ย. 2567
8 พ.ย. 2567
8 พ.ย. 2567
10 พ.ย. 2567