ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

Last updated: 8 พ.ย. 2564  |  515 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ ยังทรงตัวในระดับสูง

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ วันที่ 8-12 พฤศจิกายน 2564 โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 79-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 81-86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ล่าสุด ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อยู่ที่ 81.27 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 82.74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น หลังหลายประเทศมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ และปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในระดับสูงจากราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตของกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) ที่เพิ่มปริมาณการผลิตตามข้อตกลงเดิม แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ใช้น้ำมันจะออกมาเรียกร้องให้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าข้อตกลงที่ได้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ราคาคาดจะได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น ภายหลังจากการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดจะส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน

สำหรับปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ คือ ในการประชุมวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 กลุ่มโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นตามข้อตกลงเดิมที่ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือนธันวาคม 2564 หลังกลุ่มผู้ผลิตยังกังวลความเสี่ยงของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 2 ธันวาคม 2564 เพื่อพิจารณาปริมาณการผลิตของเดือนมกราคม 2565 ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นตามข้อตกลงเดิมที่ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือไม่

ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภายหลังจากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่จะเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง หลังราคาก๊าซธรรมชาติยังคงอยู่ในระดับสูง โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติจะอยู่ที่ราว 0.5-1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงฤดูหนาว

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับต่ำ ในช่วงการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบต่อเนื่องกว่า 15 เดือนติดต่อกัน ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับ การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากเฮอร์ริเคน ในช่วงเดือนกันยายน 2564 มีแนวโน้มกลับมาผลิตได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยล่าสุดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค. 64 เฉลี่ยอยู่ที่ 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติประกาศลดวงเงินสำหรับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน จนสิ้นสุดมาตรการในกลางปี 2565 หลังเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ยังมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น

จับตาความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่าน และ 6 ประเทศ ว่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมหรือไม่ ล่าสุดทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปกำหนดการเจรจาครั้งใหม่แล้วในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ โดยทางด้านสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีโอกาสที่จะหาข้อสรุปได้ หากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงได้ จะส่งผลให้อิหร่านสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตและการส่งออกได้ 1.0-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยตลาดคาดว่าหากสามารถบรรลุข้อตกลง ปริมาณการส่งออกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้k

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-5 พฤศจิกายน 2564) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับลดลง 2.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 81.27 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับลดลง 1.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 82.74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยที่ 79.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้