สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

Last updated: 7 ก.พ. 2566  |  920 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

กกพ. เดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ส่งผ่านไฟฟ้าสีเขียว

“กกพ.” มั่นใจรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ ราคาถูก เกิดขึ้นได้จริง ตอนนี้เข้าโค้งสุดท้าย เปรียบเทียบโครงการใครดีสุด ได้คะแนนมากสุด โครงการทำได้จริง จะถูกคัดเลือก เดือนมีนาคม 2566 เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้

หลังจากได้มีการประกาศให้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 สำหรับ 4 ประเภทเชื้อเพลิง รวม 5,203 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย 1.ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) รับซื้อไฟฟ้ารวม 335 เมกะวัตต์ 2.พลังงานลม รับซื้อไฟฟ้ารวม 1,500 เมกะวัตต์ 3.พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบน พื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System: BESS) รับซื้อไฟฟ้ารวม 1,000 เมกะวัตต์ และ 4.พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน รับซื้อไฟฟ้ารวม 2,368 เมกะวัตต์ ตั้งแต่วันที่ 4 – 25 พฤศจิกายน 2565 มีผู้ยื่นโครงการมากถึง 670 โครงการ ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวม 17,400 เมกะวัตต์

หลังจากนั้น ก็มีการตรวจคุณสมบัติเบื้องต้น จนมาถึงการพิจารณาผู้ที่ยื่นขอผลิตไฟฟ้าที่ผ่านเกณฑ์คะแนนความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ำ ตามเกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน และ กกพ. ได้ประกาศผลเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 มีผู้ผ่านการพิจารณา 318 ก็มีโครงการที่ผ่านเกณฑ์ 318 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้ารวม 7,729.08 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) ไม่มีผู้ผ่านการคัดเลือก พลังงานลม จำนวน 20 ราย ปริมาณเสนอขาย 1,291.30 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน จำนวน 31 ราย ปริมาณเสนอขาย 1,253.60 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จำนวน 267 ราย ปริมาณเสนอขาย 5,184.18 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่รอการอุทธรณ์ 230 โครงการ

ซึ่งสาเหตุทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการ 230 โครงการ ไม่ผ่านการพิจารณา มาจากเหตุผลด้านพื้นที่ อาทิ ติดปัญหาผังเมือง เรื่องกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครอง ติดเรื่องผังรวมแปลง ติดปัญหาด้านเทคโนโลยี อาทิ ไม่พบเอกสารเรื่องกำหนดการตามแผน วิศวกรไม่ลงนามในแบบ ไม่มีสำเนาใบอนุญาตวิศวกรผู้รับรอง และยังมีเรื่องเอกสารเท็จ ก็ถูกตัดออกไป นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์เพราะขาดความพร้อมในเรื่องเชื้อเพลิง ไม่มีรายงานประเมินความสามารถในการผลิตไฟฟ้า ไม่ผ่านด้านการเงิน และไม่มีแผนการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อมและการรับฟังความคิดเห็น

หลังจากมีการอุทธรณ์เสร็จสิ้น ก็จะเข้าสู่โค้งสุดท้ายที่ กกพ. จะเริ่มพิจารณาเป็นรายโครงการ ก็จะมาดูว่าโครงการไหนดีกว่ากัน นำมาเปรียบเทียบกัน หลักเกณฑ์การคัดเลือก อาทิ ที่ดินมีหลายประเภท ใครทำได้เลย ถ้าที่ดินยังไม่ได้ก็จะลดคะแนนไป เรื่องเทคโนโลยี เรื่องการวัดความเร็วลมว่ามีการดำเนินหรือยัง มีการทำเรื่องจัดหาทางการเงินเรียบร้อยหรือไม่ หลัก ๆ แล้ว จะดูเรื่องพื้นที่ เทคโนโลยี การเงิน เชื้อเพลิง และความพร้อม การให้คะแนนแต่ละโครงการจะไม่เท่ากัน จะมีคะแนนลดหลั่นไปตั้งแต่ดีที่สุด และลดลงไปเรื่อย ๆ มีมาตรฐานในการตรวจวัดที่ชัดเจน ยอมรับได้ โดยจะมีการจัดอันดับแต่ละโครงการเริ่มโครงการที่มีคะแนนสูงที่สุดไล่ลงมาเรื่อย ๆ เอาคะแนนสูงมาใส่ในระบบ ถ้าระบบเต็ม ก็จะดูว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับระบบสายส่งได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ทำ แต่ถ้ายังเต็มอยู่ โครงการนั้นก็จะตกไป

สำหรับโครงการที่ผ่านเกณฑ์ 318 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งการแข่งขันย่อมเข้มข้นขึ้น แต่ตามเงื่อนไข กกพ. กำหนดราคาซื้อขายไฟเท่ากัน เกณฑ์ในการให้คะแนนในรอบหลังจะเข้มข้นขึ้น แต่จะไม่ใช่การแข่งขันราคา เพราะมีการกำหนดราคาให้ทุกประเภทเท่ากันอยู่แล้ว แต่จะเข้มเรื่องการการันตีว่าผู้ประกอบการที่ยื่นโครงการมาสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามสัญญาแน่นอน และยังมีการเพิ่มแบงก์การันตีสูงกว่ารอบอื่น ๆ ประมาณ 1,000-2,000 บาทต่อเมกะวัตต์ จากรอบก่อน ๆ คิดในอัตรา 500 บาทต่อเมกะวัตต์ ดังนั้น ผู้ที่ยื่นเสนอโครงการถ้าไม่ทำโครงการจริงหรือทำไม่ได้ ก็จะถูกยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันที่มีราคาแพง

“กกพ.ให้ความสำคัญกับการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนรอบนี้ เพราะจะเอาใบรับรองไปให้คนที่ใช้ไฟฟ้าสีเขียว ดังนั้น หากสมัครแล้วผลิตไฟฟ้าไม่ได้ ก็จะมีผลกระทบ เพราะมีลูกค้าคอยอยู่ ผู้ใช้ไฟอาจจะนำใบรับรองนั้นไปแสดงกับลูกค้าปลายทาง หรือนำไปขายสิทธิต่อก็ได้ แตกต่างจากการซื้อในรอบที่ผ่านมา อาทิ SPP Hybrid ที่ประมูลได้ 78 เมกะวัตต์ จากเป้าหมาย 300 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการนั้นผลิตไม่ได้ก็ไม่มีอะไร ก็ใช้ไฟฟ้าอื่นแทนได้ แต่รอบนี้เป็นคนละมิติ จึงอยากได้คนที่มาสมัครแล้วผลิตได้มากกว่าที่จะเข้ามาแล้วให้เราคิดค่าปรับ” นายคมกฤช กล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้วิธีการพร้อมตามหลักเกณฑ์ ก็มีคนร้องเรียนอยู่แล้ว แต่เป็นวิธีที่ดีกว่าการประมูลเข้ามา เพราะที่ผ่านมาเปิดรับซื้อแบบประมูล ก็มีคนแข่งกันดั้มพ์ราคา แต่โครงการทำไม่ได้จริงตามต้นทุนที่เสนอมา โครงการก็ไม่เข้าระบบ แต่ครั้งนี้จะไม่มีปัญหาเรื่องการฮั้วประมูล

กกพ. จะมีการประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกภายในเดือนมีนาคม ส่วนการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โครงการที่จะ COD ในปี 2567 จะต้องรีบเซ็นสัญญา ส่วนกลุ่มที่เข้าในช่วงปีหลัง ๆ จะใช้เกณฑ์การเซ็นสัญญา 120 วัน

นายคมกฤช กล่าวว่า โครงการนี้จะทำให้เกิดการลงทุนเป็นเงินหลายแสนล้าน และประโยชน์ที่ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมจะได้รับ คือ 1.ไฟฟ้าที่ได้จะเป็น green energy ไปสนับสนุนอุตสาหกรรมบางประเภทที่มีความต้องการความเป็น green 2.การมีพลังงานหมุนเวียนเข้ามาในระบบ จะดูแลง่ายกว่าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ต้องสลับการจ่ายไฟไปมา 3.เป็นการอำนวยความสะดวกในการเคลม 4.ถ้าติดพลังงานแสงอาทิตย์เองต้องใช้ไปจนกว่าโครงการจะหมดอายุ แต่โครงการนี้มีสัญญากำหนดไว้ มีคนซื้อเยอะสามารถบริหารจัดการได้ เป็นพลังงานหมุนเวียนแบบ fix price แม้ว่าราคาน้ำมันจะขึ้น แต่ค่าไฟคงที่ ทำให้ระบบสามารถกระจายความเสี่ยงได้ ไม่ต้องอ้างอิงราคาน้ำมัน และ 5.เรื่องราคา ถ้าเทียบกับผลิตจากก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยราคา 3 บาทกว่าต่อหน่วย ขณะที่พลังงานหมุนเวียนราคาเฉลี่ย 2 บาทกว่าต่อหน่วย

ส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม จากที่ได้มีการประกาศให้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบ FiT ปี 2565 – 2573 สำหรับขยะอุตสาหกรรม ที่ผ่านเกณฑ์คะแนนความพร้อมด้านเทคนิคขั้นต่ำ ตามเกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน จำนวน 18 ราย ปริมาณเสนอขายรวม 142 เมกะวัตต์ สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์คะแนนความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ำ สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ และจะประกาศผลการพิจารณาอุทธรณ์ภายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566

ขั้นตอนการคัดเลือกก็จะเหมือนกับ กลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ในขณะที่ราคารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการนี้ 5 บาทกว่าต่อหน่วย การพิจารณาก็ดูปริมาณเชื้อเพลิงขยะจะเพียงพอผลิตไฟฟ้าตลอดอายุโรงไฟฟ้าหรือไม่ จะดูเรื่องพื้นที่ ซึ่งดูง่ายกว่าเพราะอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และจะมีการประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกภายในวันที่ 15 มีนาคม 2566 และจะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 180 วันนับจากวันที่ที่มีการประกาศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้