บ้านปู จำกัด (มหาชน)

Last updated: 1 มี.ค. 2566  |  556 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บ้านปู จำกัด (มหาชน)

บ้านปู เผยผลประกอบการปี 65 กำไร 1,162 ล้านเหรียญสหรัฐ

Highlight
• กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสามเท่าตัวและยังคงเร่งเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter
• เดินหน้า 3 กลุ่มธุรกิจหลัก กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน
• ตั้งเป้าลงทุนปีนี้ไม่น้อยกว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 5,000 เมกะวัตต์

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564 มีรายได้จากการขายรวม 7,693 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 272,270 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 87% มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 3,916 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 137,300 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 120% และมีกำไรสุทธิ 1,162 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 40,519 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 282% เป็นผลจากการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานโลก ประกอบกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจด้วยความคล่องตัวและยืดหยุ่น ทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงเพื่อสร้างผลกำไรและกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2566 บ้านปูยังคงเดินหน้าเร่งเปลี่ยนผ่านธุรกิจ (Banpu Transformation) ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน

“ปี 2565 เป็นปีที่บ้านปูมีผลประกอบการที่ดีเป็นประวัติการณ์ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสามเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากอานิสงส์ที่ได้รับจากราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงแล้ว บริษัทฯ ยังเน้นการดำเนินงานที่คล่องตัวและยืดหยุ่นในทุกหน่วยธุรกิจ รวมถึงการเร่งขยายธุรกิจตามกลยุทธ์ Greener & Smarter อย่างจริงจังตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่องจากธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้น อาทิ การขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา และการขยายพอร์ตธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานในเอเชียแปซิฟิก ควบคู่ไปกับการหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน ซึ่งเป็นจุดแข็งของบ้านปูในปัจจุบัน และธุรกิจที่นอกเหนือจากพลังงานเพื่อสร้าง New S-Curve ใหม่ ๆ” นางสมฤดี กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 2566-2568 นี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยวางแนวทางสำคัญสำหรับ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้
1.กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน สำหรับ ธุรกิจเหมือง ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เน้นประสิทธิภาพการผลิตเพื่อส่งมอบสินค้าคุณภาพ ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น แร่แห่งอนาคต (Strategic Minerals) ตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินปี 2566 ประมาณ 42 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 40.5 ล้านบาท แบ่งเป็น การขายในอินโดนีเชีย 22.5 ล้านตัน ออสเตรเลีย 8.8 ล้านตัน และจีน 10 ล้านตัน การเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายถ่านหินมาจากจีนเปิดประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 และรัฐบาลอินโดนีเซียมีการอนุมัติส่งออกถ่านหินเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน ทำให้กำลังการผลิตถ่านหินของบ้านปูในปีนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาถ่านหินคาดว่าจะชะลอตัวลงหลังจากผ่านจุดสูงสุดในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาเฉลี่ยต่ำกว่า 200 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ทางด้าน ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คงความเป็นผู้นำในการผลิตก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา แสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในธุรกิจที่ส่งเสริมและต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ และพัฒนาโครงการดักจับและการกักเก็บคาร์บอน ดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก scope 1 และ 2 ภายในปี 2568 ปริมาณการขายก๊าซฯ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 280 พันล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่า เนื่องจากมีซัพพลายในตลาดค่อนข้างสูง คาดว่าการใช้กำลังการผลิตก็น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 800-900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
2.กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน เพิ่มมูลค่าและรักษาประสิทธิภาพการผลิตในโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้สามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าของธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า การซื้อขายไฟฟ้าในตลาดไฟฟ้าเสรี มองหาโอกาสการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มในประเทศยุทธศาสตร์ที่บ้านปูดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว
3.กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในพอร์ตธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงและมีศักยภาพในการสร้างกระแสเงินสด ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ส่งเสริมศักยภาพและการเติบโตซึ่งกันและกัน ตลอดจนแสวงหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (New S-Curve) ทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นในบริษัท ดูราเพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ จํากัด (Durapower) จาก 47.68% เป็น 65.10% ด้วยเงินลงทุน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่ซึ่งจะเป็นกลไกหนึ่งในการเชื่อมโยงระบบนิเวศที่แข็งแกร่งภายในกลุ่มบริษัทบ้านปู

นางสมฤดี กล่าวว่า ในปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ไม่น้อยกว่าปี 2565 อยู่ที่ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นสองส่วน ประกอบด้วย การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด และอื่น ๆ ประมาณ 60% และอีก 40% จะลงทุนในธุรกิจก๊าซฯ ที่สหรัฐอเมริกาเป็นหลัก

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อโรงไฟฟ้า HELE 2 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิตที่ใกล้กับ Temple I ที่ 800-1,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุป 1 โครงการ ภายในไตรมาส 2 นี้ ส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน บริษัทยังมีความสนใจในโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว โดยอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการลงทุนในไทย จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม โดยตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตในปีนี้ 5,000 เมกะวัตต์ จากปีก่อนอยู่ที่ 4,264 เมกะวัตต์

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 ตั้งเป้าธุรกิจแต่ละกลุ่ม ดังนี้ ธุรกิจ Solar rooftops & Floating จะมี 500 เมกะวัตต์ ธุรกิจ Battery & ESS Solutions จะมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน 3 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง จากปัจจุบัน 1 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง ธุรกิจ Smart Cites & Energy MGMT จะมี 30 โครงการ และธุรกิจ Trading ตั้งเป้า 2,000 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้