กระทรวงพลังงาน

Last updated: 14 ก.พ. 2567  |  321 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กระทรวงพลังงาน

ก.พลังงาน เร่งจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันในประเทศ

Highlight
• กระทรวงพลังงาน กำลังศึกษาวิธีการและรูปแบบการสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อความมั่นคงและรักษาระดับราคาโครงสร้างราคาใหม่
• ปัจจุบันมีการสำรองน้ำมันตามกฎหมายของผู้ค้ามาตรา 7 แต่จะมีการปรับโครงสร้างให้เหมาะสม
• เป็นอีกมาตรการหนึ่งที่กระทวงพลังงานจำทำเพื่อลดราคาพลังงาน

หลังจากที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประกาศนโยบาย “รื้อ ลด ปลด สร้าง” เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน สร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน ทั้งการลดราคาพลังงาน และการเข้าถึงพลังงาน รวมทั้งสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกภาคส่วน ก็มีการเร่งดำเนินการประกาศนโยบายลดราคาพลังงาน ไม่ว่าจะตรึงราคาน้ำมันกลุ่มดีเซล ให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร การลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลง 2.50 บาทต่อลิตร การลดค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม 2565 ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย และการออกมาตรการทำให้ค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคา ถึง เมษายน 2566 ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย โดยให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ยังคงใช้ไฟฟ้าราคาเดิมที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

หลังดำเนินมาตรการด้านราคาพลังงานมาอย่างต่อเนื่อง นายพีระพันธุ์ ก็เดินหน้าในเรื่องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานต่อ โดยล่าสุด เมื่อวานนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2567) นายพีระพันธุ์ ได้เป็นประธานในการประชุม คณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ ครั้งที่ 3/2567 โดยมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านกฎหมายและด้านพลังงานในสาขาต่าง ๆ ร่วมกันหารือกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน เพื่อทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และศึกษาวิธีการและรูปแบบการสำรองน้ำมันในต่างประเทศ นำมากำหนดเป็นแนวทาง “การสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อความมั่นคงและรักษาระดับราคาโครงสร้างราคาใหม่” ของประเทศไทยเพื่อให้เกิดเสถียรภาพด้านพลังงาน

ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันวางรูปแบบ (model) ดังกล่าว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการดำเนินการสำรองน้ำมันในรูปแบบที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยมีการนำเสนอผลการศึกษาของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม รวมถึงประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และเยอรมนี ที่มีจุดแข็งและข้อได้เปรียบการสำรองน้ำมันในรูปแบบที่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้มีการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งต่าง ๆ ให้สามารถดำเนินการ “การสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อความมั่นคงและรักษาระดับราคาโครงสร้างราคาใหม่” เพื่อลดผลกระทบด้านพลังงาน และเพื่อให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืน และเป็นธรรมกับภาคประชาชนต่อไปในอนาคต

ทางด้านนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้มีการตั้งคระกรรมการขึ้นมา เพื่อทำการศึกษาเรื่องโครงสร้างราคาพลังงาน และรัฐมนตรีได้มอบหมายให้มีการศึกษาในเรื่องของการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการศึกษา 2 เดือน หลังจากนั้นจะรอดูนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานว่าจะให้ดำเนินการต่ออย่างไร เบื้องต้นมีนโยบายอยากจะให้มีการเก็บสำรองน้ำมันโดยภาครัฐ เพื่อให้สามารถนำน้ำมันที่มีการเก็บสำรอง มาใช้ในการบริหารจัดการราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศให้ลดลงในช่วงที่ราคาน้ำมันขึ้นสูง ซึ่งลักษณะจะคล้าย ๆ กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้วิธีการเก็บเงินเข้าออก และปรับอัตราการจัดเก็บน้ำมันแต่ละประเภทให้มีความเหมาะสมในแต่ละช่วง ส่วนเงินที่มีอยู่ในกองทุนน้ำมันฯ ก็จะนำออกมาบริหารจัดการราคาน้ำมันไม่ให้สูงจนเกินไป ขณะที่การสำรองน้ำมันโดยภาครัฐ จะใช้น้ำมันสำรองที่มีอยู่ในคลังออกมาจำหน่าย เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมัน ไม่ใช้เงินเหมือนกองทุนน้ำมันฯ รวมทั้งศึกษาว่าจะมีการปรับลดหรือปรับอัตราการเก็บสำรองน้ำมันโดยผู้ค้ามาตร 7 อย่างไร ซึ่งอาจจะเป็นวิธีหนึ่งในการที่จะทำให้ราคาน้ำมันในประเทศลดลงได้

ข้อมูลจากกรมธุรกิจพลังงาน ระบุว่า ปัจจุบันการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศไทยเป็นการสำรองโดยภาคเอกชน เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ และคุ้มครองให้ประชาชนมีน้ำมันเชื้อเพลิงใช้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดแคลน การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงจึงถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่สำคัญของผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่ที่มีปริมาณการค้าแต่ละชนิด หรือรวมกันทุกชนิดปีละตั้งแต่ 100,000 เมตริกตันขึ้นไป หรือเป็นผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวแต่เพียงชนิดเดียวที่มีปริมาณการค้าปีละตั้งแต่ 50,000 เมตริกตันขึ้นไป (ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543)

การกำหนดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองตามกฎหมายจะอ้างอิงจากปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ โดยคำนึงถึงระยะเวลาในการจัดหาน้ำมันดิบรวมระยะเวลาในการขนส่งจากแหล่งจัดหาหลัก (แหล่งตะวันออกกลาง) มายังประเทศไทย เพื่อให้มีน้ำมันสำรองเพียงพอรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในปี 2566 ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 มีหน้าที่สำรองน้ำมันดิบในอัตราร้อยละ 5 และน้ำมันสำเร็จรูปในอัตราร้อยละ 1 ของปริมาณความต้องการใช้ทั้งปี หรือคิดเป็นอัตราสำรองเทียบเท่ากับปริมาณการใช้ 22 วัน

ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานจะกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง โดยให้รายงานข้อมูลปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือรายวัน การส่งบัญชีตามแบบแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บน้ำมันสำรองตามกฎหมายคงเหลือรายวัน (นพ. 210) การตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองตามกฎหมาย ณ คลังน้ำมันเชื้อเพลิงทุกแห่งทั่วประเทศ

ในกรณีที่มีความจำเป็น ภาครัฐโดยกรมธุรกิจพลังงานสามารถสั่งให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 งดจำหน่าย หรือให้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่สำรองไว้ตามกฎหมายเพื่อป้องกันและแก้ไขการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ อย่างเช่นกรณีที่หน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ของโรงกลั่นไทยออยล์ มีการหยุดซ่อมบำรุง 13 วัน ระหว่าง 16-28 ม.ค.67 ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันอากาศยาน 110 ล้านลิตร น้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว 240 ล้านลิตร น้ำมันกลุ่มเบนซิน 60 ล้านลิตร และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 15 ล้านกิโลกรัม กรมธุรกิจพลังงานได้อนุญาตให้นำน้ำมันสำรองตามกฎหมายกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว ออกมาขายในปริมาณไม่เกินกว่า 20% ของปริมาณสำรองตามกฎหมาย เพื่อให้มีน้ำมันเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ หลังจากนั้น ก็ให้มีการเก็บสำรองน้ำมันให้ได้ตามที่กฎหมายกำหนดเหมือนเดิม

การศึกษาเรื่องการเก็บสำรองน้ำมันให้มีความเหมาะสม อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นายพีระพันธุ์ มองว่าจะสามารถนำมาลดราคาน้ำมันในประเทศได้อย่างไร หลังจากที่พบว่าโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทยมีความซับซ้อน และมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งส่วนขายส่งและขายปลีก การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน การเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐทั้งหมด ที่นายพีระพันธุ์บอกว่าจะเร่งดูในส่วนนี้ก่อนว่าทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการทำในส่วนของเอกชน เช่น ค่าการตลาด และอื่น ๆ อาจจะทำได้ช้ากว่า ดังนั้น การสำรองน้ำมันตามกฎหมายซึ่งประกาศโดยภาครัฐ ก็เป็นต้นทุนตัวหนึ่งของราคาน้ำมัน จึงถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในขณะนี้ จึงต้องรอดูความคืบหน้าต่อไปว่า จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงได้อีกหรือไม่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้