ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

Last updated: 21 ก.พ. 2567  |  5119 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

TPIPP เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์-ขยะ

TPIPP เร่งเดินหน้า 3 เรื่อง ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ พร้อมประกาศนโยบายใช้ RDF เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าแทนถ่านหิน 100% ลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้ 40% อีกทั้งยังเพิ่มกำลังการผลิต RDF ขายให้โรงงานปูนซิเมนต์ และรับกำจัดขยะเพิ่ม ดัน EBITDA ปีนี้เป็น 4.8 พันล้านบาท

นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายโรงงาน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (TPIPP) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 จะเน้นเพิ่มรายได้และลดต้นทุนการผลิต โดยจะดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ 1.จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการแรก ตั้งอยู่ในโรงงานปูนซิเมนต์ จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิต 61 เมกะวัตต์ มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เดือนเมษายน 2567 โครงการที่สอง ตั้งอยู่ในโรงงานปูนซิเมนต์ จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิต 11 เมกะวัตต์ มีกำหนด COD ต้นปี 2568 และโครงการที่สาม ตั้งอยู่ที่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิต 5.1 เมกะวัตต์ มีกำหนด COD เดือนเมษายน 2567 ซึ่งโครงการที่ตั้งอยู่ในโรงงานปูนซิเมนต์จะผลิตเพื่อขายไฟฟ้าให้กับโรงงานปูนซิเมนต์ของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) โดยมีอัตราค่าไฟฟ้า 3 บาทกว่าต่อหน่วย

นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการแรก ตั้งอยู่ที่ จังหวัดสงขลา ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้ว มีกำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 7.9 เมกะวัตต์ มีกำหนด COD กลางปีหน้า ส่วนอีกโครงการหนึ่งร่วมกับเทศบาลมุกดาหาร ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 8 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ปลายปีหน้า ซึ่งทั้งสองโครงการได้อัตราค่าไฟฟ้า 5.78 บาทต่อหน่วย

ดังนั้น กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นจาก 440 เมกะวัตต์ ในปัจจุบัน เป็น 536 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 100 ล้านบาท จากปี 2566 มี EBITDA ประมาณ 4 พันกว่าล้านบาท

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างรอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) รอบ 2 หลังจากที่ในรอบแรกบริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูล แต่ไม่ได้รับคัดเลือก หากประกาศเปิดรับซื้อในรอบ 2 แล้วยังคงเงื่อนไขเดิม คือ เลื่อนโครงการที่อยู่ในลิสต์ของรอบแรกขึ้นมา บริษัทฯ ก็จะได้รับการคัดเลือก จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก

ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทำให้เห็นว่าบริษัทฯ มีการเติบโตมากขึ้น หลังจากกำลังการผลิตหยุดนิ่งที่ 440 เมกะวัตต์ ในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่โรงไฟฟ้า TG3 กับ TG4 ซึ่งมีอัตราส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) จะหมดลงกลางปีนี้ ทำให้ค่าไฟฟ้าที่จะได้รับลดลง แต่ก็ยังขายได้ในราคาค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย

2.จะเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเก่าที่มีอยู่ โดยจะเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงแปรรูปจากขยะ (RDF) โดยจะไม่ใช้ถ่านหินเลย 100% ซึ่งได้เริ่มทยอยเปลี่ยนเชื้อเพลิงมาตั้งแต่ปี 2565 จะทำให้ลดต้นทุนลงได้ 40% และจะนำโรงไฟฟ้านี้เข้าโครงการ UGT ซึ่งจะขายไฟฟ้าได้ในอัตรา 4.55 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ ยังสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล และพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่ ซึ่งจากการประเมินจะมีคาร์บอนเครดิต 1.5 ล้านตัน และหลังจากปีนี้มีการ COD โครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จะมีคาร์บอนเครดิตเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านตัน จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น

3.สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ RDF โดยจะขาย RDF เพื่อ Replacement ให้กับโรงปูนซิเมนต์ที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหิน คาดว่าปีหน้าจะมียอดขาย RDF เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงงานปูนซิเมนต์มีความต้องการใช้ RDF วันละ 5,000-6,000 ตัน ในขณะที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 4,000 ตัน ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิต โดยกำลังก่อสร้างโรงงานคัดแยกขยะและนำมาผลิตเป็น RDF เพิ่มขึ้นวันละ 3,000 ตัน ตั้งอยู่ในโรงงานปูนซิเมนต์ จังหวัดสระบุรี และยังมีโรงงาน RDF ที่ตั้งอยู่บริเวณบ่อขยะนอกโรงงานปูนซิเมนต์อีกวันละ 2,000 ตัน ซึ่งส่วนที่เหลือที่ขายให้กับโรงงานปูนซิเมนต์แล้วจะขายให้กับรายอื่น ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากการขายเชื้อเพลิง RDF และค่ารับกำจัดขยะจากเทศบาลต่าง ๆ

ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้ คาดว่าจะทำให้บริษัทฯ มี EBITDA เพิ่มขึ้นจาก 4 พันกว่าล้านบาท ในปี 2566 เป็นประมาณ 4.8 พันล้านบาท ในปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้