Last updated: 1 มี.ค. 2567 | 3896 จำนวนผู้เข้าชม |
บ้านปู แต่งตั้ง สินนท์ เป็น CEO สานต่อนโยบาย Greener & Smarter
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติแต่งตั้ง นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2567 โดย นายสินนท์ ประกาศนโยบายจะสานต่อ Greener & Smarter โดยจะ Transform ธุรกิจกิจให้มีความเข้มแข็งและยังยืน
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ กล่าวว่า ในช่วงปี 2567-2568 ซึ่งจะสิ้นสุดแผนการดำเนินงาน 5 ปี จะเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์การดำเนินงาน Greener & Smarter เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ Transform สู่ความยั่งยืน โดยสิ่งที่จะมุ่งเน้นมากขึ้น คือ การ Decarbonization และ ดิจิทัล รวมถึง AI เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจที่มีอยู่ ทั้งถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า และ Energy Technology ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะมุ่งสร้างธุรกิจที่มีกระแสเงินสดให้บริษัทฯ รวมทั้งสร้างการเติบโตทางด้านพลังงานในประเทศหลัก ทั้งอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และจีน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมองว่าธุรกิจต้นน้ำยังเป็นธุรกิจที่สร้างมูลค่าได้มาก ส่วนธุรกิจ Down stream และ Climate Tech ตั้งแต่อยู่ที่ บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ก็ได้เสริมสร้าง Synergy ของ บ้านปู เน็กซ์ ให้มีครบถ้วนมากขึ้น ในเรื่องของ Net Zero Solution ที่จะเติบโตในอนาคตเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืนสู่เป้าหมาย Net Zero ในอนาคต
โดยวางเป้าหมายมีสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจพลังงานสะอาด 50% ภายในปี 2568 ส่วนอีก 50% มาจากธุรกิจอื่น ๆ
ทั้งนี้ มองว่าทุกประเทศยังมุ่งเน้นไปยังพลังงานสะอาด แต่ก็ยังมีความต้องการถ่านหินในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และอาเซียน ทำให้ต้องมีการบาลานซ์กันระหว่างพลังงานหมุนเวียนกับพลังงานเชื้อเพลิงอื่น ๆ ในช่วงระยะกลางถึงยาว ซึ่งในประเทศหลัก ๆ ที่บ้านปูมีธุรกิจอยู่ ถือว่ามีการเติบโตในประเทศเศรษฐกิจที่แข็งแรง และอยู่ในธุรกิจพลังงานที่หลากหลาย โดยมีการเสริมด้าน Synergy การ Diversification ของ Value Chain ของพลังงานทั้งหมด
ประเทศอินโดนีเซีย มองอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเป็น Top 4 ที่มีอัตราเติบโตของ GDP สูงสุดในโลก ซึ่งนอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจถ่านหิน ก็มีการตั้งทีมศึกษาลงทุนธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป และ Energy Management คาดว่าจะเป็นส่วนที่สร้างการเติบโตได้ในอนาคต และธุรกิจแบตเตอรี่ด้วย โดยมองโอกาสที่จะขยายการลงทุนไปในธุรกิจเหมืองแร่ เช่น นิกเกิ้ล ทองแดง และทองคำ
ประเทศจีน จะมุ่งเน้นไปที่พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น รวมถึงในอนาคตจะมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ในจีนมากขึ้น
ประเทศออสเตรเลีย ยังเป็นผู้ผลิตถ่านหิน และเน้น Energy Trading เนื่องจากตลาดออสเตรเลียเป็นตลาดเสรี ทำให้ราคาพลังงานหรือค่าไฟฟ้าขึ้นลงตามซัพพลายเชน ก็มีทีม Energy Trading ทำเรื่องการซื้อขายไฟฟ้าในตลาด และใช้แบตเตอรี่ในการทำแบตเตอรี่ฟาร์ม และเทรดไฟฟ้าได้มากขึ้น
ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกา บ้านปูเป็นผู้ผลิตก๊าซฯ ที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัส และยังทำโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) เป็นรายแรกในแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ รวมถึงการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II ในสหรัฐ ก็จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในปีนี้
สำหรับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้การดำเนินงานของ บ้านปู เน็กซ์ ยังเน้นเรื่องของ Greening กลุ่มบ้านปูทั้งหมด ที่สามารถนำเอาธุรกิจโซลูชั่นพลังงานสีเขียวไป Implement กับกลุ่มธุรกิจบ้านปู และลูกค้าในเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ยังทำเรื่อง Climate Tech และ Technology เพื่อนำมาใช้ในธุรกิจ ที่ผ่านมาได้เข้าไปลงทุนใน บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยานยนต์ 2 ล้อ และ 3 ล้อ รวมไปถึงระบบกักเก็บพลังงาน การรีไซเคิลแบตเตอรี่ และบริการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ใน จังหวัดชลบุรี กำลังผลิต 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง ซึ่งกำลังหารือว่าอาจจะมีการผลิตเซลล์แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นในอนาคต
นายสินนท์ กล่าวว่า ในปีนี้ยังตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะลงทุนในธุรกิจก๊าซฯ ประมาณ 50% และจะลงทุนในพลังงานสะอาดอีก 50% โดยจะเน้นไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่มากขึ้น เนื่องจากสามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากกว่าโซลาร์หรือพลังงานลม
ยังมองโอกาสขยายการลงทุนในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง ในประเทศอินโดนีเซีย และ สปป.ลาว เนื่องจากมีซัพพลายค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย มีทีมที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเหมือง สามารถที่ขยายเกี่ยวกับเหมืองได้ทันที
บ้านปูยังอยู่ระหว่างการศึกษาการใช้พลังงานแอมโมเนียและไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานสะอาดในโรงไฟฟ้า คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ เพื่อผลักดันแผนลดคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้า
ส่วนธุรกิจถ่านหิน ในปีนี้จะไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมแล้ว โดยวางเป้าหมายปริมาณการขายรวมไว้ที่ 38 ล้านตัน แบ่งเป็น อินโดนีเซีย เพิ่มเป็น 26.1 ล้านตัน จากปีก่อน 21 ล้านตัน ออสเตรเลีย เพิ่มเป็น 8.8 ล้านตัน จากปีก่อน 7 ล้านตัน และจีน เพิ่มเป็น 10 ล้านต้น จากปีก่อน 6.5 ล้านตัน
สำหรับแผนการนำ บริษัท BKV Corporation (BKV) ผู้ประกอบธุรกิจก๊าซฯ และโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐอเมริกา เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซ หากปรับตัวดีขึ้นก็มีโอกาสที่จะดำเนินการได้ โดยเชื่อว่าจะมีสัญญาณที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
สำหรับผลประกอบการในปี 2566 กลุ่มบริษัทบ้านปู มีกำไรสุทธิ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,343 ล้านบาท) โดยมี EBITDA 1,562 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 54,361 ล้านบาท)
29 เม.ย 2568
28 เม.ย 2568
29 เม.ย 2568
29 เม.ย 2568