ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

Last updated: 9 พ.ค. 2567  |  162 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

ไทยออยล์ ประกาศผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1 ปี 2567

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/2567 ภาพรวมผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 1/2567 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 5,863 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสก่อนจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในประเทศสหรัฐฯ ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเบนซินเพื่อส่งออกตึงตัว รวมถึงส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ใช้กลั่นจริงเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ (Crude Premium) ปรับตัวลดลง หลังจีนและอินเดียลดการซื้อน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง ในขณะที่อุปทานจากตะวันออกกลางปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาค ส่วนธุรกิจผลิตสารอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่กำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ในไตรมาส 1/2567 ปรับตัวลดลงจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนตัวลง ประกอบกับแรงกดดันจากอุปทานในตลาด เช่นเดียวกันกับกำไรจากธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและยางมะตอยที่ปรับตัวลดลงจากส่วนต่างราคายางมะตอยเทียบกับราคาน้ำมันเตาที่ปรับตัวลง หลังตลาดถูกกดดันจากความต้องการใช้ยางมะตอยในภูมิภาคที่อ่อนตัวลง

โดยภาพรวมกลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มฯ รวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามันอยู่ที่ 10.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/2567 เพิ่มขึ้น 6.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากไตรมาส 4/2566

นายบัณฑิตฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 หลังได้รับแรงกดดันจากโรงกลั่นใหม่หลายแห่งที่เริ่มเปิดดำเนินการ ทำให้อุปทานปรับเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงกลั่นยังได้รับแรงหนุนจากโรงกลั่นรัสเซียที่ยังคงอยู่ในระหว่างการปิดปรับปรุงจากการถูกโจมตี ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มตึงตัว ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันเบนซินปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ ท่ามกลางปริมาณสต๊อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง และสำหรับภาพรวมของธุรกิจโรงกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสู่สมดุล โดยคาดว่าจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19

ทั้งนี้ ไทยออยล์จะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดและขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์ตลาดที่ผันผวน รวมถึงแสวงหาโอกาสสร้างรายได้เพื่อผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้