ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

Last updated: 31 ม.ค. 2568  |  485 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

OR ลงทุน 5 ปี 6 หมื่นล้านบาท เน้น Mobility เป็นหลัก

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยในโอกาสที่ได้เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ วันที่ 31 ม.ค. 2568 ว่า พร้อมสานต่อวิสัยทัศน์ "Empowering All toward Inclusive Growth" หรือ "เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน" พร้อมเน้นย้ำถึงการต่อยอดนโยบาย OR SDG ที่มุ่งสร้างสมดุลในทุกมิติ ทั้ง ด้าน S: Small การสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย ด้าน D: Diversified การลงทุนในธุรกิจที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของ OR และ ด้าน G: Green การดูแลสิ่งแวดล้อม

โดย OR ได้ประกาศงบลงทุน 5 ปี จำนวน 60,404.6 ล้านบาท และอนุมัติงบลงทุนในอนาคตระยะ 5 ปี อีก 5,081 ล้านบาท เพื่อการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะเน้นการลงทุนในธุรกิจ Mobility เป็นหลัก โดยจะลงทุนระบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
การขับเคลื่อนธุรกิจจะมุ่งเน้นการใช้ Digitalization & Innovation เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ OR ถือเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำระบบ SAP S/4 HANA มาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและค้าปลีก พร้อมพัฒนา Control Tower Dashboard เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและตัดสินใจทางธุรกิจ โดยมุ่งเสริมความเข้มแข็งใน 3 พันธกิจสำคัญ ได้แก่
1. Seamless Mobility มุ่งเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาสู่พลังงานทางเลือก เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้กลยุทธ์ Thailand Mobility Partner ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based)
2. All Lifestyles มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ทการลงทุน (Diversify Portfolio)
3. Global Market ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมีแผนลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ

นอกจากนี้ OR จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรอย่างรอบด้าน พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านน้ำมันระหว่างประเทศ และการสร้าง New Magnet เพื่อยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเติมเต็มโอกาส เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยตั้งเป้าที่จะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดขายปลีกน้ำมันของ OR ที่ 38% เหมือนปี 2566 ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 35-36% โดยใช้ความแข็งแกร่งและข้อได้เปรียบของ Ecosystem ของ OR ในการดึงลูกค้ากลับมา

ปี 2568 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโต 2-3% ตามการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) และคาดว่ากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเติบโต 10-15% หลังจากในปี 2567 บริษัทฯ มีการบันทึกด้อยค่าในธุรกิจที่ไม่ได้มีการเติบโตตามแผนไปมากแล้ว และปีนี้คาดว่าน่าจะไม่มีการตั้งด้อยค่าอีก อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากการลงทุนในธุรกิจไม่เป็นไปตามคาดหวังก็จะพิจารณาปรับ Portfolio ของบริษัทฯ

ในเร็ว ๆ นี้ จะเปิดตัวธุรกิจใหม่จาก Next Amazon ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตและอยู่ได้เหมือนกับ Amazon ที่สามารถต่อยอดเติบโตได้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นแบรนด์สินค้าใหม่ที่มีเป้าหมายความสำเร็จเหมือนกับ Amazon

ส่วนการลงทุนในประเทศเมียนมา มีการแซงชั่นจึงต้องชะลอการลงทุนไว้ก่อน

สำหรับการลงทุนธุรกิจ EV ยังคงมุ่งเน้นการขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่อง โดยปกติจะมีการลงทุนเฉลี่ยหลักพันล้านต่อปี แต่ในปีนี้คาดว่าเงินลงทุนน้อยกว่าพันล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่ถูกลง แม้จะมีการปรับลดเป้าหมายการติดตั้งสถานีชาร์จจะลดลงตามเป้าหมายของภาครัฐ จากเดิมที่คาดว่าจะมีหัวชาร์จกว่า 10,000 หัวในปี 2573 แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า EV ลดลง ทำให้ต้องปรับลดเป้าหมายหัวชาร์จ DC ลดลงเหลือ 5,000 หัวชาร์จ จากเดิม 7,000 หัวชาร์จ แต่ยังคาดว่าจะ Breakeven ใน 7 ปีตามแผน

ส่วนเรื่องที่รัฐบาลจะให้มีการปรับลดราคาพลังงาน ต้องมีการพูดคุยกันก่อน อย่างไรก็ตามประเทศไทยผลิตน้ำมันเองได้น้อยมาก ไม่เกิน 15% ของความต้องการในประเทศ ดังนั้นราคาควรเป็นไปตามราคาตลาดเพื่อให้คนไทยประหยัด และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น

ทางด้าน น.ส.วิไลวรรณ การญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน OR กล่าวว่า ปี 2568 จะใช้งบลงทุน 18,886.9 ล้านบาท แบ่งเป็น Mobility 7,656.7 ล้านบาท Lifestyle 7,280.4 ล้านบาท Global 2,771.8 ล้านบาท และ Innovation & New Business 1,178 ล้านบาท

ส่วนปี 2569 จะใช้งบลงทุน 13,447.7 ล้านบาท ปี 2570 จะใช้งบลงทุน 9.855.4 ล้านบาท ปี 2571 จะใช้งบลงทุน 9,812 ล้านบาท และปี 2572 จะใช้งบลงทุน 8,402.6 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้