Last updated: 16 พ.ค. 2568 | 256 จำนวนผู้เข้าชม |
GULF คาดไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง
น.ส.ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2568 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2568 ที่มีรายได้รวม 32,343 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 5,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
โดยไตรมาส 2 จะมีปัจจัยหนุนจากการรับรู้กำไรเต็มปีจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทั้ง 4 หน่วย (2,650 เมกะวัตต์) ของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD ซึ่งทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2567
นอกจากนี้ ยังรับรู้ผลกำไรเต็มไตรมาสของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหินกอง (HKP) ซึ่งได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบทั้ง 2 หน่วย (1,540 เมกะวัตต์) โดยหน่วยที่ 2 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนมกราคม 2568
ขณะที่ไตรมาส 2 ถือเป็นช่วงที่ลมดี จะสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
บริษัทฯ ยังรับรู้อัตราเงินปันผลตอบแทน หลังจากบริษัท เข้ามาถือหุ้นในธนาคารกสิกรไทย เพิ่มเป็น 3.25%
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นประมาณ 25% จากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าใหม่ 1,500 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการ HKP หน่วยผลิตที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ที่ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยตามกำหนดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบแบตเตอรี่ภายในประเทศ ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 7 โครงการ ในช่วงปลายปีนี้ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 597 เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการโซลร์ รูฟท็อป ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ อีกทั้ง GULF1 ยังได้เปิดตัวโครงการ “วันอาทิตย์” ซึ่งขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มลูกค้าครัวเรือนและที่อยู่อาศัย โดยนำเสนอบริการติดตั้ง solar rooftop แบบครบวงจร
ส่วนของธุรกิจก๊าซ ในปีนี้ มีแผนขยายการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 70 ลำ หรือประมาณ 4 - 5 ล้านตัน เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC GPD HKP และ SPP 19 โครงการ ในส่วนของลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจก๊าซอย่างต่อเนื่อง และทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้จาก shipper fee เพิ่มขึ้น โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มีการนำเข้า LNG ไปแล้วจำนวน 19 ลำ หรือประมาณ 1.3 ล้านตัน
สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มีกำหนดเปิดดำเนินการในปี 2568 ขณะที่สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) มีกำหนดเปิดดำเนินการในปี 2569
ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ได้ดำเนินการถมทะเลเสร็จสิ้นแล้ว และมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในไตรมาส 4 ปี 2568 คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ ไตรมาส 2 ปี 2572 ซึ่งจะรองรับการนำเข้า LNG ได้อีก 8 ล้านตันต่อปี
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 จะรับมอบพื้นที่จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อเริ่มก่อสร้างท่าเทียบเรือในช่วงปลายปีนี้
ธุรกิจดิจิทัล โดยธุรกิจศูนย์ข้อมูล (data center) มีแผนที่จะทยอยเปิดให้บริการเฟสแรก 25 เมกะวัตต์ ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ โดยวางแผนที่จะขยายเป็น 100-200 เมกะวัตต์ ภายใน 3- 5 ปีข้างหน้า
ธุรกิจ cloud ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนเปิดให้บริการในช่วงครึ่งปีหลังของ 2568 เพื่อรองรับความต้องการในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ขณะที่นโยบายขึ้รดำแพงภาษของสหรัฐอเมริกา ยังไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ
การปรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) ที่ลดลง ก็ไม่มีผลกระทบต่อบริษัทเช่นกัน
สำหรับงบลงทุนในปี 2568 คาดว่าจะใช้ประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ จะใช้ลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เช่น โรงไฟฟ้าโซลาร์ฯ และพลังงานลมในไทย กว่า 3,000 เมกะวัตต์ โครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว 3,112 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานลมในอังกฤษ 1,500 เมกะวัตต์ และลงทุนในธุรกิจก๊าซฯ เช่น ใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าบูรพาพาวเวอร์ (ประเทศไทย) โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ กำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึง ธุรกิจดิจิตัล และธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐาน
30 พ.ค. 2568
29 พ.ค. 2568
29 พ.ค. 2568
28 พ.ค. 2568