Last updated: 14 ส.ค. 2568 | 58 จำนวนผู้เข้าชม |
GUNKUL โชว์งบครึ่งปี กำไรจากการดำเนินงานสุทธิเติบโตสูง 18.36% เป็น 924.42 ล้านบาท
อัตราเน็ตมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นเป็น 20% ส่วนไตรมาส 2 กำไรเติบโตอย่างสวยงามและต่อเนื่อง 14.44%
บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL รายงานผลการดำเนินงานครึ่ง ปีแรก 2568 สวยงาม โชว์รายได้รวม 4,090.01ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิเติบโตสูง 18.36% เป็น 924.42 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกธุรกิจ รวมถึงดอกเบี้ยรับและรายได้อื่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารมั่นใจครึ่งปีหลัง ผลงานโดดเด่นทั้ง 3 ธุรกิจ เตรียมเซ็นสัญญา PPA เพิ่มอีก 319 เมกะวัตต์ เพิ่มพอร์ตไฟฟ้าสีเขียวเป็น 1,579 เมกะวัตต์ และลุ้นข่าวดีคว้าโครงการ EPC ขนาดใหญ่หลายโครงการ อัปแบ็คล็อกเพิ่มขึ้นกว่า 100%
คุณนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) กล่าวว่า “ในครึ่งปีแรกปีนี้ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) มีผลประกอบการที่น่าพอใจ โดยในงบ 6 เดือนแรกบริษัทฯ มีรายได้รวม 4,090.01 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ เป็น 924.42 ล้านบาท (ไม่รวมผลกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิและจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของตราสารอนุพันธ์) เติบโต 18.36% จากกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 781 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกของปี 2567 โดยทั้ง 3 ธุรกิจหลักของบริษัทฯ สร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในงวดครึ่งปีแรกนี้ กำไรขั้นต้นและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามประเภทธุรกิจ (Gross profit & profit sharing by business) ของบริษัทฯ 72% มาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงาน สีเขียว (Green Power) ซึ่งครอบคลุมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศและต่างประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาภาคเอกชน (Private PPA Solar Rooftop) ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรขั้นต้นและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามประเภทธุรกิจ 17% มาจาก ธุรกิจรับเหมาไฟฟ้า (EPC) และ 11% มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า (Manufacturing)
สำหรับงบไตรมาสที่ 2/2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,995 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 529.71 ล้านบาท (ไม่รวมผลกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิและจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของตราสารอนุพันธ์) เพิ่มขึ้น 14.44% จากกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 462.42 ล้านบาท ในงวด ไตรมาส 2 ปีก่อน โดยบริษัทฯ เพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้อย่างน่าพอใจ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง 41.49% และมีอัตรากำไรสุทธิ 24.33% เพิ่มขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้น 33.77% และอัตรากำไรสุทธิ 20.12%
ในงวดไตรมาส 2 ปีก่อน โดยรายได้และกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์ใกล้เคียงงวดเดียวกันปีก่อน ในขณะที่รายได้จากธุรกิจ EPC และการขายอุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถรับรู้ได้ตามเป้าหมาย แต่น้อยกว่าไตรมาส 2 ปีก่อน ซึ่งมีการส่งมอบงานสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีปริมาณงานรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) มากกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้นในไตรมาส 3-4 ประมาณ 1,800- 2,200 ล้านบาท ตามแผนการก่อสร้างและส่งมอบงานของแต่ละโครงการ และมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูง 12.51% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) ต่ำเพียง 1.07 เท่า สามารถขยายการลงทุนในโครงการสีเขียวได้จำนวนมาก”
“สำหรับครึ่งหลังของปี 2568 GUNKUL วางเป้าหมายมุ่งสู่การเติบโตของรายได้ปีนี้ประมาณ 10-15% และรายได้รวมใน 3 ปี เติบโตมากกว่า 35,000 ล้านบาท ดำเนินตามกลยุทธ์ ‘สมการความก้าวหน้า’ ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ
● ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียว (Green Power) ต่อยอดความสำเร็จในครึ่งปีแรก สำหรับโครงการในประเทศ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล โดยเฉพาะในโครงการวินด์ฟาร์ม และโซลาร์ฟาร์ม โดยบริษัทฯ จ่อเซ็นสัญญา PPA ในส่วนขยายเพิ่มอีก รวมทั้งสิ้นจำนวน 319 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีพอร์ตโฟลิโอพลังงานไฟฟ้าสีเขียวเพิ่มเป็น 1,579 เมกะวัตต์ ผนวกกับดีลโครงการพลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่ฟิลิปปินส์ที่อยู่ขั้นตอนเจรจา ซึ่งอีกความสำเร็จหนึ่งของธุรกิจพลังงานสีเขียวของปี 2568 คือการที่บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายผนึกความร่วมมือ Direct PPA กับพาร์ตเนอร์อุตสาหกรรม ชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง muRata ซึ่งถือเป็นสัญญาณในการเริ่มเดินหน้าสร้างเครือข่ายพาร์ตเนอร์ด้านโครงสร้างพลังงานดิจิทัล รองรับแผนการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงานสีเขียวเพื่อติดอาวุธให้กับภาคอุตสาหกรรมในการดึงดูดโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
● ธุรกิจรับเหมาไฟฟ้า (EPC) บริษัทฯ เตรียมประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (EPC) หลายโครงการ อาทิ โครงการพัฒนาระบบเคเบิลใต้ทะเลขนาด 230 กิโลโวลต์ รวมไปถึงโครงการก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มและวินด์ฟาร์ม เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่ามีโอกาสชนะงาน และทำให้เพิ่มมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ในอนาคตให้เติบโตกว่า 100% จากปัจจุบันมีจำนวน 4,000 ล้านบาท ซึ่งรวม โครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลโวลต์ มูลค่ากว่า 675 ล้านบาท เชื่อมต่อจาก บางละมุงถึงปลวกแดง ที่บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งถือเป็นหมุดหมายที่สำคัญของการส่งเสริมความมั่นคงทางด้านพลังงานของพื้นที่เขตอุตสาหกรรมภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ นอกเหนือไปจากนั้นในฝั่งของโซลาร์รูฟท็อปที่ได้มีการปลดล๊อกเรื่องการขออนุญาต รวมไปถึงการลดหย่อนภาษีซึ่งเอื้อต่อภาคประชาชนและธุรกิจ SME ก็คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มธุรกิจย่อยของบริษัทฯ ที่ให้ดำเนินการอยู่ภายใต้แบรนด์ GRoof
● ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า (Manufacturing) บริษัทฯ มีแผนต่อยอดความสำเร็จจากช่วงครึ่งปีแรก สร้างการเติบโตของรายได้ โดยการเพิ่มยอดขายในผลิตภัณฑ์เดิม และขยายฐานด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยมีเป้าในการผลักดันกลุ่มอุปกรณ์โซลูชั่นอินเวอร์เตอร์ และแบตเตอรี่สู่ตลาดหลังจากได้รับแต่งตั้งจาก SUNGROW ผู้นำรายใหญ่ระดับโลกในกลุ่มธุรกิจด้านอุปกรณ์โซลาร์อินเวอร์เตอร์ ให้ GUNKUL เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Tier 1 Distributor) ในประเทศไทย สอดรับกับเทรนด์ตลาดพลังงานสะอาด ณ ปัจจุบัน
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าตามกรอบกลยุทธ์ 3 ปีที่ตั้งไว้อย่างเป็นระบบ และสร้างความพร้อมในด้านการลงทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ด้วยความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอพลังงานสะอาดที่มีอยู่จำนวน 1,579 เมกะวัตต์ และนอกจากนี้กำลังพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ ตามโรดแมปที่จะมีกำลังการผลิตสะสมมากกว่า 2,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2570 รวมไปถึงอีก 2 กลุ่มธุรกิจที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง มั่นใจในศักยภาพของ GUNKUL ในการบุกเข้าธุรกิจ S-Curve ใหม่ๆ ที่ไม่จำกัดอยู่แค่ในอุตสาหกรรมพลังงานเท่านั้น แต่มองถึงจุดแข็งของบริษัทฯ ที่สามารถเข้าไปขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรม New S-Curve ด้าน Green Infrastructure ได้อย่างเป็นรูปธรรม บนเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน ESG ซึ่งทั้งหมดนี้บริษัทฯได้เตรียมงบลงทุนประมาณ 35,000 ล้านบาท ในกรอบ 3 - 5 ปี
14 ส.ค. 2568
14 ส.ค. 2568
14 ส.ค. 2568
14 ส.ค. 2568