บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

GULF เผยครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง ดันทั้งปีโต 25% ตามเป้า

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 80,788 ล้านบาท และยังคงประมาณการรายได้ทั้งปี เติบโตตามเป้าที่ 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเพิ่มขึ้นอีก 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 597 เมกะวัตต์ อาทิ โครงการโซลาร์ฟาร์ม 5 โครงการ และโครงกาาโซลาร์ร่วมกับระบบแบตเตอรี่ 2 โครงการ ที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้

นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generation กำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง จากค่า Capacity Payment (CP) ที่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 29 เหรียญสหรัฐต่อเมกะวัตต์ต่อวัน เป็น 270 เหรียญสหรัฐต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2568 จนถึง พ.ค.2569 ทำให้บริษัทรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจากเพิ่มขึ้น และคาดว่าค่า CP ในปี 2569 ตั้งแต่ช่วงกลางปีไปจนถึงเดือน พ.ค.2570 จะสูงขึ้นเป็น 329 เหรียญสหรัฐต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นอีกประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลังของปี โครงการ Borkum Riffgrund 2 (BKR2) ที่ประเทศเยอรมนี และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมจากโครงการภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul Corporation (GGC) ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นเนื่องจากมีความเร็วลมที่ดีขึ้น

นางสาวยุพาพิน กล่าวว่า การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ นำเข้ามาแล้ว 32 ลำ หรือประมาณ 2.1 ล้านตัน เพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPP) ขนาด 5,000 เมกะวัตต์ของกลุ่มบริษัท รวมทั้งโรงไฟฟ้าหินกอง และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะนำเข้าอีก 30 ลำ หรือประมาณ 2 ล้านตัน ส่งผลให้มีรายได้จาก shipper fee เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้อีก 30,000 ล้านบาทในเดือนกันยายนนี้ โดยจะเสนอขายให้กับนักลงทุน ทั้งนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ และประชาชนทั่วไป เพื่อนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้สถาบันการเงินและใช้ในการขยายธุรกิจต่อไป ซึ่งจะออกหุ้นกู้ทั้ง 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัทลดลงได้อีก

ขณะเดียวกันบริษัทยังทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจ data center ซึ่งบริษัทร่วมลงทุนกับ Singtel และ AIS ได้เริ่มทะยอยเปิดให้บริการเฟสแรก ขนาด 25 เมกะวัตต์ ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ และมีแผนขยายเป็น 200-300 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย สำหรับธุรกิจ cloud บริษัทร่วมทุนกับ AIS เพื่อให้บริการระบบคลาวด์ทั้งในรูปแบบ public cloud และ private cloud โดยร่วมมือกับ Oracle และ Google ในการพัฒนาบริการที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างครอบคลุมทั้งลูกค้าองค์กร ลูกค้า SMEs หน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ

อย่างไรก็ตามบริษัทยังมองโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ ที่มีแผนการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์ร่วมกับระบบแบตเตอรี่ รวมทั้งวินด์ฟาร์มเพิ่มเติมอีก หลังในช่วงต้นปีที่ผ่านมาทยอยเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนไปแล้วหลายโครงการ นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำอีกหลายโครงการ