Last updated: 3 ต.ค. 2568 | 146 จำนวนผู้เข้าชม |
กฟผ. ติดตามสถานการณ์ฝนตกในหลายพื้นที่ พร้อมดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าและสถานการณ์น้ำในเขื่อนอย่างใกล้ชิด
กฟผ. ร่วมติดตามสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางตอนบนจากอิทธิพลของร่องมรสุม ดูแลสถานการณ์น้ำในเขื่อน และระบบส่งไฟฟ้าให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเขื่อนใหญ่ กฟผ. ยังสามารถรับน้ำได้อีก ส่วนเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพลปรับการระบายน้ำและบริหารจัดการน้ำเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนพื้นที่ท้ายน้ำ ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
นายชวลิต กันคำ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน จากอิทธิพลของร่องมรสุมทำให้เกิดฝนตกปานกลางถึงหนักในบางพื้นที่นั้น
กฟผ. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้า และสถานการณ์น้ำในเขื่อนของ กฟผ. ทั่วประเทศ โดยดูแลระบบผลิตและส่งไฟฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เพื่อให้การส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมจัดเตรียมมาตรการรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ และสุโขทัย ยังไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการส่งจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ โดย กฟผ. พร้อมระดมจิตอาสาเร่งบรรจุถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนภาคเหนือ เขื่อนสิริกิติ์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 9,058 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 95.25 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 452 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 4.75 โดยเขื่อนสิริกิติ์ได้ปรับแผนการระบายน้ำเพิ่มจากวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อรองรับปริมาณน้ำในช่วงปลายฤดูฝน และเขื่อนภูมิพล ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ 11,755 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 87.3 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 1,707 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 12.7 โดยเขื่อนภูมิพลได้ปรับลดการระบายน้ำลงจากวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งสองเขื่อนระบายน้ำรวมไม่เกินวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนอุบลรัตน์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ที่ 2,147.99 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 88.35 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 283.31 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 11.65 ปรับลดการระบายน้ำเพื่อบรรเทาผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำด้านท้ายน้ำเช่นเดียวกัน โดย กฟผ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมากอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการระบายน้ำให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านท้ายน้ำเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ต่าง ๆ ของ กฟผ. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ที่ 52,671 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 86 ของความจุอ่าง มากกว่าปีที่แล้ว 5,161 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 8,806 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 14 ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุม มีศักยภาพและความมั่นคงปลอดภัยในการรองรับน้ำได้เพียงพอตลอดฤดูฝน โดยสามารถติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนของ กฟผ. แบบ Real Time ได้ที่เว็บไซต์ http://water.egat.co.th/ และ Mobile Application “EGAT ONE”
3 ต.ค. 2568
3 ต.ค. 2568
3 ต.ค. 2568
2 ต.ค. 2568