กระทรวงพลังงาน

Last updated: 20 ต.ค. 2568  |  91 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กระทรวงพลังงาน

เจาะนโยบายพลังงาน ภารกิจ 4 เดือน Quick Big Win

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุถึงนโยบายการทำงานในช่วงเวลา 4 เดือนว่ามีความตั้งใจที่จะเดินหน้าโครงการด้านพลังงาน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการคลังที่ว่าด้วย Wquick Big Win” ประกอบด้วย

1. โครงการโซลาร์ภาคประชาชน เป็นโครงการที่สร้างรายได้ลดรายจ่ายด้านพลังงานประกอบด้วย
- โซล่าร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ ครอบคลุม 300 ชุมชน 15,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อให้ชุมชนมีไฟฟ้าใช้ ลดค่าใช้จ่าย และสามารถจำหน่ายไฟฟ้าส่วนเกินเข้าสู่ระบบได้ โดยจะเปิดให้ชุมชนเสนอพื้นที่ร่วมกับภาคเอกชนในการผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ดำเนินการต่อไป
โครงการนี้หากฟังดูแบบผิวเผินแล้วจะเป็นโครงการที่น่าสนใจว่าชุมชนมีไฟฟ้าใช้ ลดค่าใช้จ่าย และขายไฟฟ้าที่เหลือได้อีก แต่หลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนจะทำอย่างไร พื้นที่โครงการเป็นของชุมชน ราชการ หรือเอกชน ชุมชนที่มีอยู่เกือบทั้งหมดทั่วประเทศมีไฟฟ้าใช้แล้ว ผลิตไฟฟ้าขึ้นมาและทำเป็นระบบโครงข่ายเล็กๆ (Small Grid) มีการซื้อขายในชุมชน ไฟฟ้าเหลือจึงขายใช่ไหม อัตราไฟฟ้าที่จะขายเข้าระบบของการไฟฟ้าควรเป็นเท่าไรที่เหมาะสม ไม่สร้างภาระค่าไฟให้แก่ชุมชนที่ไม่ได้ทำโครงการนี้ หากกำหนดหลักเกณฑ์ไม่ดีจะเป็นการให้โควต้าแก่เอกชนในการผลิตไฟฟ้าขายไฟให้กับการไฟฟ้า ประชาชนได้อะไร มิใช่เป็นโซลาร์ภาคประชาชน
- มาตรการลดหย่อนภาษีติดตั้งโซลาร์ในครัวเรือน ในวงเงินไม่เกิน 200,000 บาทต่อครัวเรือน ตั้งเป้าครอบคลุม 90,000 ครัวเรือน
มาตรการนี้เป็นมาตรการเดิมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนที่แล้ว ซึ่งได้ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านการพิจรณาของคณะรัฐมนตรีไปแล้ว แต่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกามีข้อท้วงติงและส่งกลับมายังคณะรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนมีความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องมีร่าง พรบ. ฯ ใหม่ เนื่องจาก ระเบียบและกฏเกณท์ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็สามารถดำเนินการได้ และเร็วกว่ามี พรบ. ใหม่อีกด้วย
- โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร เป้าหมาย 1,200 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7 แสนไร่ทั่วประเทศ ซึ่งโครงการลักษณะนี้ทางกระทรวงพลังงานเคยทำโครงการ โดยใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดำเนินการแล้ว
- เร่งดำเนินโครงการการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำ 3 เขื่อนหลักของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล เขื่อนวชิราลงกรณ์ และเขื่อนศรีนครินทร์กำลังผลิตรวมกว่า 1,638 เมกะวัตต์

2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบพลังงานรองรับภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย
- Direct PPA จำนวน 2,000 เมกะวัตต์ เป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะอาดจากผู้ผลิตไฟฟ้าสู่ผู้ใช้ไฟโดยตรง เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เน้นไปยังกลุ่มดาต้าเซนต์เตอร์ (Data Center) เป็นหลัก
ซึ่งในเรื่องนี้รัฐบาลสมัยนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้อนุมัติหลักการนี้ไปแล้ว แต่ยังติดประเด็นสำคัญที่ยังต้องรอการพิจรณากำหนดหลักเกณท์ และอัตราค่าธรรมเนียมการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge) ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ก่อนการซื้อขายจะเกิดขึ้นจริงได้
- พัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรมในเขตภาคตะวันออกด้วยการพัฒนาระบบการผลิตและระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่อีอีซี (EEC)
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ผ่านกลไกกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งการจดัสรรเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของกระทรวงพลังงานขาดช่วงมา 2 ปี คือ ปี 2566 และ 2567 ซึ่งในขณะที่กำลังเปิดรับข้อเสนอโครงการ ปีงบประมาณ 2568 ในช่วงเดือนกันยายน แต่ก็ยังไม่ได้รับการจัดสรรจนกระทั่งบัดนี้ ดังนั้น จึงควรเร่งรัดการจัดสรรเงินส่วนนี้ ซึ่งในปีหนึ่งฯ มีงบประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท งบประมาณส่วนนี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

3. เดินหน้าพลังงานสะอาดความยั่งยืนระยะยาวรองรับ ผลักดันก้าวสู่ Net Zero ในปี 2050 ในโครงการโซล่าร์ประชาชนจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 3.6 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี เร่งจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ให้เสร็จภายใน 4 เดือน
การจัดทำแผน PDP ได้ดำเนินการล่าช้ากว่า 2 ปีกว่าแล้ว และล่าสุดในปี 2568 ได้มีการจัดทำแผน PDP ซึ่งได้ผ่านการับฟังความคิดเห็นมาแล้ว แต่ยังมีข้อกล่าวหาว่า รับฟังความเห็นไม่ทั่วถึง และเมื่อรับข้อคิดเห็นไปแล้วก็ไม่ได้มีการปรับให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย การจัดทำแผนที่ล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว ทำให้ต้องมีการปรับปรุงข้อมูลและสมมติฐานหลาย ๆ อย่างให้เหมาะสมมากขึ้น โดยเฉพาะจะต้องมีการปรับแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) และแผนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ให้เสร็จก่อน แล้วถึงนำข้อมูลของทั้งสองแผนมาใส่ในแผน PDP ต่อไป เสร็จแล้วจะต้องเอาข้อมูลจากแผน PDP ไปจัดทำแผนพัฒนาก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
อนึ่ง การปรับแผน PDP ครั้งนี้จะต้องมีการปรับครั้งใหญ่ โดยต้องปรับปรับแผน NET ZERO จากภายในปี 2065 ให้เร็วขึ้น เป็นปี 2050 สั้นลงถึง 15 ปี ดังนั้น จะเห็นได้ว่าระยะเวลา 4 เดือนนั้นสั้นมาก แต่ก็เป็นงานที่ท้าทายของกระทรวงพลังงาน ในช่วงรัฐบาลใหม่นี้

4. อีกโครงการหนึ่งที่เป็นโปรเจกต์ขนาดใหญ่ 4 เดือนที่ทางรัฐมนตรีตั้งใจจะนับ 1 ให้ได้ เป็นโครงการพัฒนาและดักจับเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอ่าวไทย ศักยภาพกักเก็บกว่า 7,000 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นโครงการใหญ่ลงทุนหลักแสนล้านใช้เวลานาน 10 ปี ตอนนี้ไทยได้ร่วมกับญี่ปุ่น สำรวจพื้นที่กักเก็บใต้ทะเล แต่การเอาเรือไปสำรวจยังไม่ได้มีกฎเกณฑ์เข้ามารองรับ

นอกจากนโยบายพลังงาน 4 ด้านที่กล่าวมาแล้ว ยังมีงานที่สำคัญที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทพวงพลังงานจะต้องเร่งดำเนินงาน คือ การบริหารจัดการหนี้จากการตรึงราคาพลังงาน ประกอบด้วยหนี้จากการตรึงค่าไฟยังเหลืออยู่ประมาณ 81,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ช่วยแบกรับภาระค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าไว้ 66,000 ล้านบาท และหนี้ที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แบกรับภาระค่าเชื้อเพลิงไว้ 15,000 ล้านบาท หนี้เหล่านี้ต้องพิจารณาทยอยคืนในค่าไฟฟ้างวดถัดไปในปีหน้า

อีกส่วนหนึ่งคือ การบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมไม่กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนให้มากจนเกินไป โดยต้องสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ตลอดจนการบริหารจัดการในทุกมิติของกองทุนน้ำมันฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ภาระหนี้ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้กู้ยืมมาจากสถาบันการเงินฯ ไว้รวม 105,333 ล้านบาท ระหว่างปี 2565-2566 ปัจจุบันยังเหลือหนี้อยู่ 33,054 ล้านบาท ซึ่งจะต้องทยอยจ่ายเงินต้นสูงขึ้น ตามกรอบเวลาที่กู้แต่ละครั้ง โดยในเดือน ตุลาคม จะต้องจ่ายหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อเดือน หลังจากนั้นก็จะทยอยลดลง โดยคาดว่าจะชำระหนี้หมดในปี 2571 และหนี้ของกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2568 ที่ยังคงมีสถานะติดลบอยู่กว่า 17,838 ล้านบาท ถ้าหากราคาน้ำมันในตลาดโลก และปัจจัยต่างๆ ยังอยู่ในระดับนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2568 คาดว่าฐานะกองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ภายในปลายปีนี้

สุดท้ายนี้ผู้เขียนมีความเห็นว่า เรื่องเร่งด่วนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะต้องรีบดำเนินการจัดทัพในกระทรวงพลังงาน เพื่อให้งานเดินไปได้ ในลำดับแรกภายในเดือนตุลาคมนี้ คือ การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งบอร์ดของ กฟผ. ได้มีมติเห็นชอบมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ผอ.สกนช.) ซึ่งคณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงการนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมัน (กบน.) ให้ความเห็นชอบ การแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ คณะกรรมการ 4 ใน 7 คนได้พ้นไปจากตำแหน่งไปนานกว่า 1 ปีแล้ว และสุดท้ายการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 4 ท่าน โดยเร็วเช่นกัน

วีระพล จิรประดิษฐกุล

File: เจาะนโยบายพลังงาน ภาระกิจ 4เดือน Quick Big WinFinal1

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้