บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

Last updated: 27 ต.ค. 2568  |  72 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent สัปดาห์นี้ 60-70 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ประจำสัปดาห์ (24 ตุลาคม – 30 ตุลาคม 2568) จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แนวโน้มราคาน้ำมันยังมีความผันผวน โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน ประกอบด้วย ความไม่แน่นอนของสงครามรัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากแผนพบปะของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่จะถูกจัดขึ้นที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพื่อที่จะตัดรายได้ของรัสเซีย และกดดันให้รัสเซียเข้าสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพ

รวมถึงตลาดยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 ตุลาคม 2568 ถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปี 2568 เนื่องจากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปี 2568 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในการประชุมรอบเดือนตุลาคม ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ยลง แม้ว่าการเปิดเผยข้อมูลสำคัญอย่างรายงานเงินเฟ้อและรายงานการจ้างงานจะมีความล่าช้าจากการปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) แต่จากข้อมูล Fed Watch Tool ของ CME Group รายงานว่านักลงทุนให้น้ำหนักถึง 98.9% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมในเดือนตุลาคม ทั้งนี้หากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง อาจส่งผลให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนต่อความต้องการใช้น้ำมันได้

ยังมีปัจจัยการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ยืดเยื้อยาวนานมากกว่า 20 วัน เนื่องจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังคงไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณชั่วคราว ทั้งนี้ การปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ มีผู้ถูกให้พักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเป็นจำนวนมาก โดยรายงานล่าสุดมีการพักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์แห่งชาติ (NNSA) ประมาณ 1,400 คน อย่างไรก็ตาม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ข่มขู่พรรคเดโมแครตว่าจะลดบริการสาธารณะ และเพิ่มการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้พรรคเดโมแครตลงมติร่วมกับพรรครีพับลิกัน เพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ทั้งนี้การปิดทำการรัฐบาลสหรัฐฯ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการดำเนินการของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงการลงทุนที่จะต้องใช้ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นตัวเลขอ้างอิงเพื่อทำการวิเคราะห์ในการการตัดสินใจลงทุนหรือดำเนินนโยบายต่างๆ จากการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ล่าช้า

และยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดุลการค้าสินค้าเดือนกันยายน 2568 ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลเดือนกันยายน และดัชนีจีดีพีไตรมาส 3/68 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีจีดีพีไตรมาส 3/68 และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนตุลาคม 2568 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนเดือนตุลาคม 2568 ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน

สำหรับสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (17 – 23 ตุลาคม 2568) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับเพิ่มขึ้น 0.07 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 58.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับเพิ่มขึ้น 0.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 62.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเนื่องจากการผ่อนคลายความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และรองนายกรัฐมนตรีของจีน มีกำหนดพบปะกันที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือมาตรการผ่อนคลายใหม่ระหว่างสองประเทศ และเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ ณ ประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 25688 ทั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังแสดงความคาดหวังที่จะบรรลุข้อตกลงระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จากการประชุมดังกล่าว

นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา ภายหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่าได้มีการอนุมัติปฎิบัติการของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ในประเทศเวเนซุเอลา และกำลังพิจารณาการใช้ปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดิน ซึ่งการอนุมัติดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางการโจมตีของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องต่อขบวนการค้ายาเสพติดเวเนซุเอลาในเดือนกันยายน - ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงจับตามองถึงอุปทานน้ำมันดิบที่คาดว่าจะเผชิญภาวะน้ำมันดิบล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ปรับตัวเลขคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกินสูงขึ้นจากระดับ 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 4.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2569 หรือคิดเป็น 4% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก จากการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และผู้ผลิตนอกกลุ่ม ขณะที่การเติบโตของอุปสงค์ยังคงอยู่ในระดับต่ำจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

อีกทั้งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 13.64 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้