Last updated: 12 พ.ย. 2568 | 74 จำนวนผู้เข้าชม |
BCPG เปิดแผนกลยุทธ์ใหม่ สร้าง EBITDA โต 7 พันล้านบาท ภายในปี 71
นายรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บีซีพีจี เปิดแผนกลยุทธ์ก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของการเติบโต ภายใต้แนวคิด “The Next Decade: Broadening Horizons of Sustainability” ต่อยอดจากความสำเร็จในธุรกิจพลังงานสะอาด สู่การสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานแห่งความยั่งยืนในทุกมิติ” เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว พร้อมตั้งเป้า EBITDA เติบโตเป็น 2 เท่า ภายในปี 2571 สู่ 7,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดว่า EBITDA จะอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท และมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทในดัชนี SET 50 รวมถึงการได้รับการจัดอันดับในดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI (Dow Jones Sustainability Index)
“EBITDA ที่จะเติบโตขึ้นจะมีปัจจัยสนับสนุนจาก การดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาจะเติบโตขึ้นมา ซึ่งในตลาด PJM มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากทุกปี ส่งผลให้ Margin เพิ่มขึ้น ประมาณ 85% และส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจใหม่ 10-15%” นายรวี กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯ ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังน้ำ และก๊าซธรรมชาติ ในประเทศไทย สปป.ลาว เวียดนาม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสหรัฐฯ กำลังการผลิต กว่า 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้วประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ คาดว่าอีกประมาณ 500 เมกะวัตต์ จะ COD ในปีหน้า
ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนในโครงการสำคัญ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 4 แห่ง ในสหรัฐฯ ที่ดำเนินการในตลาด PJM ได้รับค่าความพร้อมจ่ายในระดับสูงต่อเนื่อง โรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ที่ขายไฟฟ้าให้กับประเทศเวียดนาม ซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานสูง รวมถึงโครงการพลังงานลมมอนซูน ขนาด 600 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าเวียดนาม ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อปลายไตรมาสที่ผ่านมา
บริษัทฯ ยังได้ขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนผ่านโครงการพลังงานลมในประเทศเวียดนาม 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 99 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาในประเทศไทย ซึ่งภายในปีนี้จะมีกำลังผลิตรวม 43.6 เมกะวัตต์ เติบโตกว่าเท่าตัว และมีเป้าหมายขยายไปถึง 100 เมกะวัตต์ ตลอดจนขยายการพัฒนาโรงไฟฟ้าในไต้หวัน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มก่อสร้างสถานีและสายส่ง ขนาด 200 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าในโครงการแล้ว ซึ่งโครงการเหล่านี้จะสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงเมื่อเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบ สนับสนุนรายได้ระยะยาวและกระจายความเสี่ยงในการดำเนินการพอร์ตฟอลิโอของบีซีพีจีในปัจจุบัน
ในปี 2569 ได้ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 7,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไต้หหวัน ประมาณ 3,500 ล้านบาท พัฒนาพลังงานลมในเวียดนาม ขนาด 99 เมกะวัตต์ เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท และอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท ใช้สำหรับพัฒนาประสิทธิภาพสินทรัพย์ที่มีอยู่ นอกจากนี้ ยังได้ตั้งงบลงทุนเพิ่มเติมในช่วงปี 2570-2571 ไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจยุคใหม่
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานภายใตยุทธศาสตร์ใหม่ จะมุ่งเน้นลงทุนใน 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีเศรษฐกิจข้อมูล (Data Economy) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีความร่วมมือกับ NT แล้ว และพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าสีเขียว การรุกเข้าสู่ธุรกิจนี้ ช่วยต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดของบีซีพีจี และส่งเสริมให้บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ที่มีมูลค่าสูง เพิ่มโอกาสการเติบโต และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ฐานรายได้ของบริษัทฯ ในระยะยาว พร้อมส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางข้อมูลระดับภูมิภาค (Regional Data Hub)
2. ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ อาทิ ระบบบริหารจัดการน้ำและน้ำเย็น เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำของ Data Center ที่ต้องการระบบน้ำเพื่อความเย็นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
3. ธุรกิจรีไซเคิล อาทิ รีไซเคิลแผงโซลาร์ (Solar Waste Management) และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบีซีพีจีได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้จากการบริหารจัดการแผงโซลาร์ของบริษัทฯ เพื่อสร้างห่วงโซ่มูลค่าใหม่และเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ
11 พ.ย. 2568
11 พ.ย. 2568
11 พ.ย. 2568
12 พ.ย. 2568