Last updated: 13 พ.ย. 2568 | 82 จำนวนผู้เข้าชม |
อินโดรามา เวนเจอร์ส เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 อ่อนตัวลง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์โลก
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 เมื่อต้นอาทิตย์นี้ ซึ่งอ่อนตัวลง เนื่องจากผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ยังคงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาวในอุตสาหกรรมโลก อย่างไรก็ตาม มาตรการ “Self-Help” พึ่งพาตนเองภายใต้แผนการเปลี่ยนแปลงองค์กร “IVL 2.0” ที่บริษัทได้ดำเนินการอย่างทั่วถึง ได้ช่วยปรับโครงสร้างธุรกิจให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการดำเนินงานรูปแบบใหม่
อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงาน Adjusted EBITDA1 อยู่ที่ 285 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลงร้อยละ 33 เมื่อเทียบปีต่อปี ปริมาณการขายของบริษัทลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผน บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตรา 0.175 บาทต่อหุ้น
อุตสาหกรรมเคมียังคงได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานล้นตลาดและความต้องการที่ซบเซา ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจระดับมหภาคอย่างต่อเนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระเบียบใหม่ของตลาดเคมีโลก
ในเดือนมีนาคม 2566 อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้เปิดตัวแผน IVL 2.0 เพื่อรับมือกับวิกฤตพลังงานในยุโรป และความเหลื่อมล้ำด้านราคาในตลาดวัตถุดิบโพลีเอสเตอร์ระหว่างภูมิภาคตะวันออกและตะวันตกของโลกที่เกิดจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ ผลประกอบการของภาคส่วนดังกล่าวในปี 2568 และ 2569 คาดว่าจะอ่อนตัวลง เนื่องจากการเจรจาด้านภาษียังไม่บรรลุผลและห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงมีความไม่ต่อเนื่อง
เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์ระดับโลก นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “แรงกดดันด้านมาร์จิ้นที่อุตสาหกรรมสร้างขึ้นต่อตัวเองในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มาตรการแก้ไขที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการและรัฐบาลในตลาดเคมีภัณฑ์หลัก เช่น จีน เกาหลีใต้ บราซิล และยุโรป ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่อุตสาหกรรมจำเป็นต้องเร่งสร้างแรงขับเคลื่อนเพื่อฟื้นฟูสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานให้กลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมภายใน 12–24 เดือนข้างหน้า เราหวังว่าจะเกิดการฟื้นตัวของการบริโภคที่ล่าช้าในลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในยุโรปที่กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมถึงการยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่สุดที่จะส่งผลเชิงบวกต่อภูมิภาคนี้ รวมถึงการหารือของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับกฏระเบียบการนำเข้าต่างๆ”
ภายใต้ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการรับมือกับสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่อ่อนตัวลง ทีมผู้นำของบริษัทฯ ที่ได้รับการเพิ่มศักยภาพได้มุ่งเน้นมาตรการเชิงโครงสร้างภายใต้แผน IVL 2.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโมเดลธุรกิจชั้นนำของบริษัท โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรปซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะท้าทายของอุตสาหกรรม มาตรการเหล่านี้ประกอบด้วยการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการสร้างกระแสเงินสด การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ และการสร้างนวัตกรรมด้านความยั่งยืน ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 985 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการแปลง EBITDA อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 121
มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงาน ซึ่งรวมถึงการขายกิจการ Wellman International ในประเทศไอร์แลนด์ในไตรมาส 3 ช่วยลดต้นทุนคงที่ ปรับกำลังการผลิตให้เหมาะสม และทำให้พอร์ตธุรกิจของบริษัทมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต้นทุนคงที่ลดลง 130 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2568 (LTM 3Q25) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มดำเนินแผน IVL 2.0 นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับรายได้กว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2569 จากการขายที่ดินและทรัพย์สินในประเทศออสเตรเลีย เมืองรอตเตอร์ดัม และประเทศแคนาดา
กล่าวถึงมาตรการภายใต้แผน IVL 2.0 นายอาลก โลเฮีย กล่าวว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจในทีมงานของเรา ที่สามารถระบุและดำเนินมาตรการ self-help เชิงรุกได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางการบริหารการเงินและความเป็นเลิศทางการค้า การดำเนินมาตรการเหล่านี้ในขณะนี้จะทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมรับโอกาสได้ดียิ่งขึ้น เมื่อการค้าระหว่างประเทศและอุปสงค์ของผู้บริโภคเริ่มปรับตัวและสอดคล้องกับยุคใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมของเรา”
“ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นการควบรวมกิจการและความร่วมมือทางธุรกิจเกิดขึ้นมากมายในอุตสาหกรรมนี้ในอีก 12–24 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกัน เรายังคงบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างมีวินัย โดยมุ่งเน้นในการสร้างพันธมิตรในโครงการที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจในกลุ่มที่สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เราอยู่ในขั้นตอนที่ก้าวหน้าของความร่วมมือหลายโครงการ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของงบดุลและคุณภาพของผลประกอบการในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท”
นอกจากความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุนหมุนเวียนและการลดค่าใช้จ่ายแล้ว บริษัทยังคงรักษาแนวทางการจัดสรรเงินทุนอย่างรอบคอบ เนื่องจากระดับหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ยังคงอยู่ในระดับสูงท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
นายอาลก โลเฮีย กล่าวเพิ่มเติมถึงหุ้นของอินโดรามา เวนเจอร์สว่า “มูลค่าหุ้นของอุตสาหกรรมโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ โดยราคาหุ้นของบริษัทควรสะท้อนถึงความพร้อมของคณะบริหารในการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ซึ่งอินโดรามา เวนเจอร์ส กำลังดำเนินการปรับโครงสร้างดังกล่าวอย่างจริงจัง เพียงแต่ยังไม่สะท้อนให้เห็นในมูลค่าหุ้น เนื่องจากภาระหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ที่ยังอยู่ในระดับสูง”
¹ตัวเลขทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วเป็นข้อมูลก่อนการรับรู้กำไร (ขาดทุน) จากสินค้าคงคลัง และไม่รวมรายการพิเศษ
13 พ.ย. 2568
13 พ.ย. 2568
12 พ.ย. 2568
13 พ.ย. 2568