สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

Last updated: 17 ธ.ค. 2568  |  183 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

Smart Regulator สำนักงาน กกพ.ปรับภารกิจเชิงรุก ยุคเปลี่ยนผ่านพลังงาน พร้อมขับเคลื่อน Direct PPA ปลายปี 2568

อุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศไทย กำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน จากเดิมที่ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในสัดส่วนที่สูง มาเป็นไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยสอดคล้องกับทิศทางของโลกและการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ซึ่ง นโยบายภาครัฐที่เปิดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันโดยตรง หรือ Direct PPA สำหรับ กลุ่ม Data Center ปริมาณไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ ทำให้บทบาทในการกำกับดูแลกิจการพลังงาน ของสำนักงาน กกพ. ต้องปรับตัวเชิงรุกในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้จริง โดยที่พยายามรักษาสมดุลในมิติต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีไฟฟ้าใช้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง ได้ราคาไฟฟ้าที่เป็นธรรม และมีคุณภาพไฟฟ้าและมาตรฐานความปลอดภัย ที่ถือเป็นความท้าทายขององค์กร ภายใต้การนำของ ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ( สำนักงาน กกพ.)



ภารกิจเชิงรุกของ กกพ. เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ที่มาพร้อมโครงการ Direct PPA สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ต้องทำอย่างไร ดร.พูลพัฒน์ มีคำอธิบาย
ดร.พูลพัฒน์ กล่าวว่า กระแสสำคัญของโลกในยุคเปลี่ยนผ่านพลังงาน ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไฟฟ้า ต้องการผลิตด้วยพลังงานสะอาดที่ไม่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมส่งออก หรือภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่โครงการการผลิตไฟฟ้าแบบเดิมของไทยนั้นเป็นผู้ผลิตที่เป็นรายใหญ่จำนวนน้อยราย ดังนั้นในอนาคตการกำหนดนโยบายจึงต้องรองรับสัดส่วนของผู้ที่ทำหน้าที่ในการผลิตไฟฟ้าสะอาดเพื่อใช้เองด้วยส่วนหนึ่ง แล้วก็ส่งออกไปให้คนอื่นใช้ด้วยอีกส่วนหนึ่ง ดังนั้นการกำกับดูแลการเปลี่ยนในส่วนนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กกพ. จึงต้องตอบโจทย์ปัญหาความท้าทายที่จะเกิดขึ้นให้มีความ Smart และมองให้เห็นความท้าทายดังกล่าวเป็นโอกาสสำหรับประเทศ โดยมีการเตรียมความพร้อมในการกำกับดูแลกิจกรรมการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันโดยตรง หรือ Direct PPA ที่ต้องเชื่อมต่อกับระบบสายส่งไฟฟ้าของบุคคลที่ 3 ที่เราเรียกว่า Third Party Access



หากใครยังนึกภาพไม่ออก ทาง ดร.พูลพัฒน์ ยกตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบให้เห็นว่า
สายส่งไฟฟ้า เป็นเหมือนท่อน้ำประปา ซึ่งมีน้ำที่อยู่ในท่อ แต่วันหนึ่ง น้ำที่เคยส่งจากต้นทางที่เป็นต้นทางหลักถูกสั่งให้ชะลอการส่งลงเพื่อให้น้ำจากอีกส่วนหนึ่งที่บ้านหลังอื่นต้องการส่งน้ำเข้ามาในท่อบ้าง เพื่อให้ไปถึงลูกค้าที่ได้ตกลงกันไว้ ดังนั้นในภาพรวมของระบบท่อส่งน้ำ จึงต้องควบคุมรักษาแรงดันที่ให้เกิดความต่อเนื่องสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ลูกค้าที่รับน้ำจากต้นทางหลักได้รับผลกระทบ ซึ่งการส่งไฟฟ้าก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น ในบทบาทของผู้กำกับดูแล สำนักงาน กกพ.จึงต้องมีการศึกษาอัตราค่าบริการต่างๆที่จะเกิดขึ้นเพื่อเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการเข้ามาใช้ระบบสายส่งของบุคคลที่สาม ที่จะต้องมีความมั่นคง และต้องสร้างความมั่นใจว่าระบบสายส่งมีขนาดช่องว่างเหลือพอที่จะให้คนอื่นเข้ามาใช้บริการร่วมกันได้แค่ไหน ต้องให้คนที่เข้ามาใช้มั่นใจว่าไฟฟ้าที่ผลิตได้เมื่อมีการเชื่อมต่อเข้าระบบแล้วจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง และกรณีเกิดปัญหาข้อสะดุดขัดข้อง จะต้องเตรียมไฟฟ้าสำรองเพื่อที่จะให้ผู้ที่อยู่ปลายทางมั่นใจว่ามีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอตามสัญญา


โครงสร้างของ Direct PPA
แบบซื้อขายไฟฟ้าผ่านโครงข่ายสาธารณะ (Off-Site PPA รูปด้านบน)
และแบบภายในสถานที่เดียวกัน (On-Site PPA รูปด้านล่าง)
***ที่มา www.erc.or.th

โดยสำนักงาน กกพ.ได้สรุปออกมาเป็น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่
1. เรื่องของหลักเกณฑ์ เป็นแม่บทในการที่จะเชื่อมโยงว่าในอนาคตผู้ที่จะเข้ามาใช้สายส่ง ว่าจะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์อะไรบ้างทั้งผู้ใช้ ทั้งผู้ผลิตและผู้ดูแลระบบสายส่ง
2. เรื่องของข้อกำหนดและเงื่อนไข เพื่อเปิดให้บุคคลที่สาม สามารถเข้าใช้และเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ในการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงได้ (Third Party Access Code -TPA Code) เพื่อจะดูว่าการเชื่อมต่อกับหน่วยงานการไฟฟ้า และการเข้าไปที่สถานีไฟฟ้าต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงกับสายส่งไฟฟ้า จะมีวิธีการที่จะเชื่อมต่อกันอย่างไร
และ 3. เรื่องของค่าบริการในการใช้และเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าของบุคคลที่สาม (TPA Charge) ซึ่งดูถึงเรื่องของต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ในที่จะเข้ามาใช้ระบบสายส่งว่าจะกำหนดอัตราค่าบริการกันอย่างไร

โดยนับตั้งแต่มีนโยบายเรื่อง Direct PPA ออกมา ทางสำนักงานกกพ. มีการศึกษาในรายละเอียดต่างๆอย่างรอบคอบ สอดคล้องตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ประกอบด้วย ค่าบริการระบบส่งไฟฟ้าและระบบจําหน่ายไฟฟ้า ( Wheeling Charge ) ค่าบริการเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้า (System Security Charge) หรืออาจจะเรียกว่า Ancillary Service Charge ค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ Policy Expense ค่าบริการหรือค่าปรับในการปรับสมดุลหรือบริหารปริมาณไฟฟ้า (Imbalance Charge) ค่าบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าบริการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Connection Charge) ค่าบริการจัดสรรศักยภาพในการให้ บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ( Available Transfer Capacity : ATC ) และค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งปัจจุบันทาง สำนักงาน กกพ. ได้มีการคำนวณและกำหนดอัตราค่าบริการต่างๆที่คิดว่ามีความเหมาะสมออกมาแล้ว และเตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ภายในเดือนธันวาคม 2568 นี้

ทั้งนี้ สิ่งที่เลขาธิการ สำนักงาน กกพ. ให้ความสำคัญคือ การให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีความมั่นคงและแน่นอน และได้รับอัตราค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรมที่สุดในอนาคตข้างหน้า จึงต้องปรับตัวทำงานเชิงรุกที่เรียกว่าเป็น Smart Regulator เพื่อสร้างสมดุลในระบบในเกิดขึ้น ทั้งการให้บริการไฟฟ้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานของระบบส่งไฟฟ้า หรือ Infrastructure รองรับอย่างเพียงพอ และการกำกับดูแลที่ใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาควบคุมในเรื่องของข้อมูลข่าวสารทั้งจากฝั่งของผู้ผลิตและฝั่งของผู้บริโภค เพื่อให้โหลดคือความต้องการใช้ กับฝั่งของการผลิต หรือซัพพลายที่สมดุลกัน มีการรับส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงกันโดยไม่สะดุด



ดร.พูลพัฒน์ คาดว่า โครงการ Direct PPA จะประกาศชื่อของผู้ที่ขายไฟฟ้าในโครงการเฟสแรก สำหรับ Data Center จำนวน 2,000 เมกะวัตต์ ภายในช่วงเดือนมกราคม ปี 2569 แต่ในอนาคตหลังจากที่สำนักงาน กกพ. มีการประเมินผลการดำเนินการที่เกิดขึ้น หากทุกอย่างมีความพร้อมและเป็นไปด้วยความความราบรื่น สำนักงานกกพ.ก็จะเตรียมตัวสำหรับรองรับนโยบายที่จะขยายปริมาณไฟฟ้ารองรับ Direct PPA ในเฟสต่อ ๆ ไป


#กกพ #กองทุนพัฒนาไฟฟ้า #พลังงานสะอาด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้