ดีเดย์เปิดตัวบี 10 พร้อมจำหน่ายทุกปั๊ม 1 มี.ค.63

ดีเดย์เปิดตัวบี 10 พร้อมจำหน่ายทุกปั๊ม 1 มี.ค.63

 
ถือว่าได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับการส่งเสริมให้ใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศ โดยได้รับความร่วมมือในการส่งเสริมการใช้จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน ค่ายรถยนต์ เรียกได้ว่าเดินหน้าเต็มสูบกันเลยทีเดียว

ล่าสุด ผู้บริหารกลุ่มปตท. และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ได้ร่วมกันประชาสัมพันธ์จุดจำหน่ายน้ำมัน พีทีที อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี10 แห่งใหม่ ที่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น สาขาวิภาวดี 11 กรุงเทพฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้ารถบรรทุก รถกระบะ และรถตู้ โดยน้ำมัน พีทีที อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี10 มีคุณสมบัติน้ำมันที่เผาไหม้สมบูรณ์ ลดควันดำและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้ จึงช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมเติมสารเพิ่มค่าซีเทนช่วยเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ และสารทำความสะอาดหัวฉีด ป้องกันการอุดตันของหัวฉีดและที่สำคัญมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลถึงลิตรละ 2 บาทด้วย

โดยคุณชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มปตท. พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลบี 10 เป็นน้ำมันพื้นฐาน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป

ขณะที่คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ โออาร์ กล่าวว่า ทางโออาร์มีสถานีบริการบี 10 ตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562ที่ผ่านมาแล้ว 60 แห่ง รวมทั้งมีความพร้อมด้านคลังน้ำมันหลักบี 100 จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ คลังน้ำมันสุราษฎร์ธานี ,คลังสงขลา ,คลังลำลูกกา ,คลังน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และคลังน้ำมันพระโขนง โดยโออาร์มีความพร้อมที่จะจำหน่ายบี 10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน ส่วนรถที่ไม่สามารถใช้บี 10 ปตท.ก็ยังคงจำหน่ายน้ำมันดีเซลบี 7 และบี 20 เพื่อเป็นทางเลือก โดยจะเลือกจำหน่ายในบางพื้นที่ที่ยังมีความต้องการ

ส่วนเรื่องจำนวนสถานีและความพร้อมในการจำหน่ายบี 10 นั้น ก็ไม่ต้องกังวล เพราะคุณจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ ยืนยันหนักแน่นว่า ขณะนี้มีการจำหน่ายน้ำมัน พีทีที อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล บี10 แล้วจำนวน 60 สถานี และจะขยายเป็น 300 แห่งภายในปีนี้ และจะพร้อมจำหน่ายทุกสถานีกว่า 1,800 สาขา ภายวันที่ 1 มีนาคม 2563 ผู้ใช้รถดีเซลสามารถตรวจสอบรุ่นรถที่ใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 10 ได้จากเว็บไซต์ของกรมธุรกิจพลังงาน

ในขณะที่กระทรวงพลังงานเอง นำโดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็ได้เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล บี10 ที่กระทรวงพลังงานร่วมกับค่ายรถยนต์ โรงกลั่น ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย รวมทั้งสมาพันธ์สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการยืนยันถึงความพร้อมของทุกฝ่ายในการสนับสนุนการใช้น้ำมันดีเซล บี10 เป็นดีเซลฐานแทน บี7 เดิม โดยมีการกำหนดให้ บี10 เป็นดีเซลฐานสำหรับรถดีเซลทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 และให้ บี7 เป็นดีเซลทางเลือกสำหรับรถรุ่นเก่าและรถยุโรป และบี20 เป็นดีเซลทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีการจำหน่ายในปั๊มน้ำมันบางแห่งเท่านั้น ในขณะที่ บี10 จะมีจำหน่ายในทุกสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายการใช้ บี10 อยู่ที่ 57 ล้านลิตรต่อวันหากมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะทำให้ยอดการใช้น้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 2.2 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็น 2ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดของประเทศ โดยเป็นการช่วยสร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันทำให้ราคาสูงขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดปริมาณฝุ่นพิษ PM 2.5 อีกทั้งยังประหยัดการนำเข้าน้ำมันได้ถึงประมาณ 1.8 ล้านลิตร/วัน และเตรียมความพร้อมส่งเสริมการให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 เป็นเกรดพื้นฐานกลุ่มเบนซิน เป็นเป้าหมายต่อไป

ปัจจุบัน มีจำนวนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลของไทยมีประมาณ 10.5 ล้านคัน เป็นรถที่ใช้ บี10 ได้ประมาณ 5.3 ล้านคันหรือประมาณ 50% ที่เหลือเป็นรถดีเซลรุ่นเก่ามากๆ และรถยุโรปราคาแพง ซึ่งก็มีทางเลือกในการใช้ บี7 โดยผู้ใช้รถดีเซลสามารถตรวจสอบรุ่นรถที่ใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ได้จากเว็บไซต์ของกรมธุรกิจพลังงาน www.doeb.go.th

ทั้งนี้ ทางผู้ค้าน้ำมันจะมีการติดสติ๊กเกอร์ บี10 ให้กับรถยนต์ที่พร้อมเติมบี 10 ที่บริเวณด้านในฝาเติมน้ำมันของตัวรถ เพื่อแสดงให้ประชาชนมั่นใจว่ารถยนต์ใหม่สามารถที่จะเติมบี10 ได้ ส่วนรถยนต์เก่าได้ขอความร่วมมือค่ายรถและอู่รถยนต์เป็นผู้ติดสติ๊กเกอร์ให้สำหรับรถที่มีความพร้อมใช้ หรือ ที่มีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางอย่างแล้ว เพื่อการันตีว่ารถยนต์สามารถเติมบี10 ได้ เช่นกัน