บ้านปู จำกัด (มหาชน)

Last updated: 13 ส.ค. 2563  |  579 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บ้านปู จำกัด (มหาชน)

บ้านปู เผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 ยังมีเสถียรภาพ

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2563 บ้านปู และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายรวม 1,151 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 35,554.39 ล้านบาท) โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 235.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7,286.95 ล้านบาท) และขาดทุนสุทธิ 23 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 710.47 ล้านบาท)

โดยมีสาเหตุหลักจากราคาเชื้อเพลิงที่อ่อนตัวลง ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ยังมีรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการเปลี่ยนสภาพสัดส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด BKV Oil & Gas Capital Partners, L.P. เป็นผู้ถือหุ้นใน BKV Corporation ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 การปรับโครงสร้างดังกล่าวช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารงานกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปู ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับกับการสร้างการเติบโตในอนาคต โดยรายการดังกล่าวเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด จึงไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด และการจ่ายปันผลของบ้านปู แต่อย่างใด

ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ บ้านปูเน้นการเพิ่มและรักษากระแสเงินสด จากการปิดดีลการเข้าซื้อก๊าซธรรมชาติแหล่งใหม่ได้เร็วขึ้น และจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการจากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่วิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ความต้องการพลังงานเชื้อเพลิงลดลง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากมาตรการระยะสั้น ทั้งการลดค่าใช้จ่ายทั่วทั้งองค์กร ควบคู่ไปกับการปรับตัวทางด้านการดำเนินงาน

ในช่วงครึ่งปีแรก บ้านปูได้พยายามทุกวิถีทางในการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนทางธุรกิจไปพร้อมๆ กัน โดยได้ดำเนินมาตรการระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพและหลากหลาย ได้แก่ การดำเนินมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายของบริษัท และบริษัทในเครือลง 20% การชะลอการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง เน้นการทำธุรกิจในประเทศที่มีโอกาสทางธุรกิจสูงและมีความเสี่ยงทางการเงินต่ำ การซื้อขายที่มีสัญญาประกันราคาขาย เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนต่างๆ ตลอดจนการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยยิน (El Wind Mui Dinh) ในประเทศเวียดนาม มูลค่าการลงทุน 66 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,038.74 ล้านบาท) โดยเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จึงช่วยเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนให้กับบริษัทได้ภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ (Barnett) ในสหรัฐอเมริกา ที่ปรับเปลี่ยนวันปิดรายการจากภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปูได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บ้านปูสามารถรับรู้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของแหล่งบาร์เนตต์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 หรือเร็วขึ้น 1 ไตรมาส

สำหรับธุรกิจถ่านหิน ในช่วงโควิด-19 ความต้องการใช้เชื้อเพลิงลดลงในภาคอุตสาหกรรม ทำให้มีอุปทานในตลาดสูงและราคาขายเฉลี่ยของถ่านหินลดลง อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มในครึ่งปีหลังจะกลับมาดีขึ้นในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้ว หลังจากเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ เริ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกันบ้านปูได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตในธุรกิจถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ยังคงดำเนินงานได้ตามปกติ สามารถสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังคงเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากรายงานดัชนีค่าความพร้อมจ่ายเต็ม 100% ส่วนโรงไฟฟ้าหงสา อยู่ที่ 63% เนื่องจากมีการหยุดเดินเครื่องของหน่วยผลิตที่ 3 ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการเดินเครื่องในระยะยาว หลังพบความผิดปกติของบางอุปกรณ์ในเครื่องจักร ปัจจุบันโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยผลิตที่ 3 ได้กลับมาเดินเครื่องอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีนและญี่ปุ่น สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีนนั้น ก็มีการดำเนินงานคืบหน้าไปแล้วกว่า 83% และคาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด พร้อมสร้างรายได้ให้กับบริษัทในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ยังดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังมีการขยายพอร์ตเทคโนโลยีพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีธุรกิจระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเป็นธุรกิจหลักที่ช่วยสร้างรายได้ ด้วยกำลังการผลิตที่ 172 เมกะวัตต์ และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการคิดค้นและให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีพลังงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เป็นทั้งในระดับธุรกิจ อุตสาหกรรม และบุคคล เช่น การเปิดเส้นทางใหม่ของบริการรถตุ๊กตุ๊กพลังงานไฟฟ้า MuvMi เพิ่มเติม การเปิดตัว อีเฟอร์รี่ เรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้