ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

Last updated: 10 ก.พ. 2564  |  574 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

SCG ชูกลยุทธ์ลงทุนปี 64 เน้น ESG

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจเอสซีจีปี 2564 จะดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ตลอดกระบวนการทำงาน โดยพร้อมปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ด้วยการให้ความสำคัญกับการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity Management - BCM) และการลงมือปฏิบัติให้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและสร้างการเติบโตระยะยาว

โดยมีกลยุทธ์ 2 ด้าน คือ 1.ดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (Environment, Social, Governance) โดยนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และนำของเหลือใช้จากกระบวนการผลิตกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด ตั้งเป้าเดินหน้าองค์กรสู่ Net Zero ภายในปี 2050 และมุ่งต่อยอดนวัตกรรมสู่ธุรกิจ Solar Energy เพื่อตอบโจทย์การใช้พลังงานทางเลือก

และ 2.ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสู่ New Normal Digitalization โดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาช่องทางออนไลน์ เพื่อเสนอสินค้าและบริการ พร้อมโซลูชันครบวงจร ตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนานวัตกรรมมูลค่าสูง (High Value Added Products & Services – HVA) ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงมองหาโอกาสในตลาดใหม่ที่เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 และขยายธุรกิจเพิ่มเติมในกลุ่มสินค้าและบริการที่มีความต้องการสูงขึ้น เช่น การต่อยอดธุรกิจสู่ Health & Well-Being Business

ซึ่งภายใต้ 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลล์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง จะให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสินค้าและบริการ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

โดยธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โครงการก่อสร้างบ้านพักอาศัย และคอนโดมิเนียมใหม่ ๆ อาจจะมีน้อยลง เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในเรื่องของการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านจะมีมากขึ้น ภายใต้แนวคิด Well-Being Living การพัฒนาธุรกิจจึงต้องตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายและทันสมัยมากขึ้น

ส่วนธุรกิจเคมิคอลล์ จะมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะเป็น High Value Product มากขึ้น ให้สอดคล้องกับทิศทางในอนาคต จะมุ่งเข้าสู่การลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีความต้องการสูงขึ้น และมีเทคโนโลยีที่ทำให้ต้นทุนถูกลง แต่ยังเดินหน้าต่อเนื่องในโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ที่ประเทศเวียดนาม

และธุรกิจแพจเกจจิ้ง เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงและสอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนี้ จึงต้องมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีศักยภาพเติบโตสูง และขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด โดยล่าสุดได้เข้าถือหุ้นใน Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งกับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ต้นน้ำในประเทศเวียดนาม และการเข้าถือหุ้นใน Go-Pak UK Limited (Go-Pak) ผู้นำในการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ที่มีฐานการผลิตอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม ช่วยเพิ่มศักยภาพการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์อาหาร

สำหรับปัจจัยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ทำให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากราคาน้ำมันเป็นต้นทุนการผลิต และเอสซีจีมีการส่งออกค่อนข้างมาก ทำให้รายได้ปรับตัวลดลง แต่การนำพลังงานสะอาดมาใช้ภายในกิจการของบริษัทฯ และการบริหารจัดการ Supply chain ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุน ทำให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน

ส่วนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก เพราะการระบาดในครั้งนี้มีความรุนแรงและยังไม่ทราบว่าผลกระทบจะยาวนานเพียงใด แต่ก็มีทางออกและเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส โดยต้องเข้าใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไร ปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ และมีการทำงานที่รวดเร็ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้