ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

Last updated: 11 ก.พ. 2564  |  554 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

OR เตรียมลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ในธุรกิจ Mobility และ Life Style



นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ในแผนลงทุน 5 ปีของบริษัท ที่จะใช้ลงทุน 74,600 ล้านบาท ในส่วนนี้จะมีการกันเงินสำรองไว้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท สำหรับลงทุนในการซื้อกิจการ (M&A) หรือเข้าไปร่วมลงทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรใหม่ ๆ ในธุรกิจ Mobility และ Life Style เช่น ธุรกิจยานยนต์ (EV) หรือธุรกิจอาหาร (F&B) เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงสูงมาก มีโอกาสที่ OR จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายและมีการเติบโตสูง เช่น Flash และ Paramara ที่ได้มีการเข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้

สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี ที่จะใช้เงินลงทุน 74,600 ล้านบาท ยังมีการลงทุนในธุรกิจหลักคือน้ำมัน เพื่อสร้างฐานให้กับธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non Oil) และธุรกิจต่างประเทศ ที่ทั้งสองธุรกิจนี้จะใช้เงินลงทุนสูง เพราะธุรกิจ Non Oil เป็นธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรสูง ส่วนธุรกิจต่างประเทศ เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง

ดังนั้น จึงตั้งเป้าว่าสัดส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ภายใน 5 ปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง โดยปัจจุบันธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจ Non Oil และธุรกิจต่างประเทศ จะมี EBITDA อยู่ที่ 68%, 25% และ 5% ตามลำดับ จะเปลี่ยนแปลงเป็น 52%, 32-33% และ 13% ตามลำดับ

ทางด้าน น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่หุ้น OR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย OR จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 116,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 2,610 ล้านหุ้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 46,980 ล้านบาท (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขาย (IPO) 208,980 ล้านบาท

โดยหุ้น OR เปิดเทรดที่ 26.50 บาทต่อหุ้น และเพิ่มขึ้นมาสูงสุดที่ 27 บาทต่อหุ้น และปิดตลาดในช่วงเช้าที่ 26.75 บาท เพิ่มขึ้น 8.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.17 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ หุ้น IPO ของ OR เป็นหุ้นที่มีการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุดในตลาดทุนไทย ด้วยจำนวนกว่า 530,000 รายการ

ซึ่ง OR จะรักษาสถานะความเป็นผู้นำและดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งใจไว้ คือ การเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชนผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีแผนที่จะต่อยอดความสำเร็จและความชำนาญสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก

“เรามั่นใจว่านักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและร่วมเป็นเจ้าของ OR จะเติบโตไปกับเราในฐานะผู้นำในการดำเนินธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ อย่างผสมผสานกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยแนวคิด “Retailing Beyond Fuel” ที่มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่น่าเชื่อถือ พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภค ควบคู่กับการสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างยั่งยืนและสมดุล” น.ส.จิราพร กล่าว

ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะถือหุ้นใน OR ประมาณ 77.5% (ภายใต้สมมติฐานว่า ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Agent) ไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนส่วนเกินจาก OR ทั้งจำนวน) โดย OR มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี

ทางด้าน น.ส.ราชสุดา รังสิยางกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร นวัตกรรมและความยั่งยืน OR กล่าวว่า การทำ M&A และ JV ในธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีอนาคต เป็นครั้งแรกที่ OR ได้เริ่มทำธุรกิจในลักษณะนี้ จากเดิมจะลงทุนโดยการขยายธุรกิจด้วยตัวเอง แต่ปัจจุบันตลาดมีการเปลี่ยนแปลงสูง หากต้องการขยายธุรกิจให้รวดเร็วต้องมีการเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อนำประสบการณ์ที่ผู้ร่วมทุนมีอยู่มาสร้างการเติบโตให้ OR ดังนั้น จากนี้ไปจะเห็น OR ขยายการลงทุนในอีกหลายธุรกิจ

โดยในส่วนของธุรกิจ EV ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ OR กำลังศึกษาการลงทุน โดยจะดูว่า Value Chain EV อยู่ตรงไหน และจะลงทุนอย่างไร จากปัจจุบันได้เริ่มติดตั้งที่ชาร์จรถ EV ในสถานีบริการน้ำมันของ OR แล้ว 25 แห่ง โดยในปีนี้และปีหน้ามีการวางแผนไว้แล้วว่าจะขยายธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น

ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ ปัจจุบันมีการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และสปป.ลาง ซึ่งมีทั้งการตั้งสถานีบริการน้ำมัน และร้านกาแฟอเมซอน ซึ่งมีแผนว่าใน 3 ประเทศนี้ ใน 5 ปีข้างหน้า จะขยายสถานีบริการน้ำมันจาก 350 แห่ง เป็น 650 แห่ง และจะขยายร้านกาแฟอเมซอน จาก 310 แห่ง เป็น 550 แห่ง

สำหรับประเทศจีน ได้เข้าไปลงทุนร้านกาแฟอเมซอน และขยายตลาดน้ำมันหล่อลื่นในตลาดจีนทางตอนใต้ และที่โอมาน ได้ร่วมกับพันธมิตรในการที่จะขยายร้านกาแฟอเมซอน มากขึ้น

ซึ่งการทำธุรกิจของ OR ในต่างประเทศ จะทำเหมือนการลงทุนในประเทศ คือ ใช้ Model การขยายที่ครบวงจร ศึกษาความต้องการของแต่ละตลาด ให้เข้าใจถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละประเทศ ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น โดยเฉพาะ SME ของต่างประเทศเข้ามาร่วมทุนด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้