Last updated: 6 ก.ค. 2564 | 648 จำนวนผู้เข้าชม |
บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์ สู่เป้าหมาย 10,000 เมกะวัตต์
บี.กริม ประกาศเดินหน้า 7 ยุทธศาสตร์ เพิ่มเป้าหมายกำลังการผลิตสู่ 10,000 เมกะวัตต์ และมีรายได้ 1 แสนล้านบาท ในปี 2573 โดยขยายพลังงานครบวงจรทุกรูปแบบ ทั้งก๊าซธรรมชาติ พลังงานหมุนเวียน การซื้อขายพลังงาน โดยอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนและซื้อกิจการในหลายโครงการ
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บี.กริม เพาเวอร์ได้ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์ มุ่งสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) สร้างคุณค่าให้กับสังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับ 7 ยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานสะอาด ภายใต้รูปแบบสัมปทานกับภาครัฐในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อให้บริการไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูง โดยจะเป็นการพัฒนาโครงการใหม่หรือการเข้าซื้อกิจการ ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ เช่น สปป.ลาว, เวียดนาม, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, กัมพูชา และฟิลิปปินส์
ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างบทบาทสำคัญในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเชื้อเพลิงสะอาด จากความต้องการ LNG ของภูมิภาคอาเซียนซึ่งมีการเติบโตสูงที่สุดในโลก ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโควตาการนำเข้า LNG จำนวน 1.2 ล้านตัน/ปี โดยจะนำ LNG สัญญาระยะยาว ใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ทำให้การบริหารต้นทุนการผลิตดีขึ้น และโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ ทั้งด้านธุรกิจไฟฟ้าและการจำหน่าย LNG จะใช้ตลาดไทยเป็นฐานใช้ในประเทศเป็นหลัก และจะขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพสูงให้กับโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 300 รายอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยจะขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมบริการด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร และขยายพื้นที่การให้บริการที่นอกเหนือไปจากนิคมอุตสาหกรรมที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนแนวโน้มการกระจายตัวแบบไม่รวมศูนย์ (Decentralization) สนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของภาคอุตสาหกรรม
ยุทธศาสตร์ที่ 4 ให้บริการสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับกลุ่มอาคารพาณิชย์ ในรูปแบบการนำเสนอโซลูชั่นทางด้านสาธารณูปโภค ให้กับลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
ยุทธศาสตร์ที่ 5 ขยายธุรกิจระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพไปสู่ผู้ใช้ โดยอาศัยความชำนาญกว่า 25 ปีของ บี.กริม เพาเวอร์ในการสร้างและควบคุมระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่งทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา นำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการเป็น Smart City ต่อไปในอนาคต
ยุทธศาสตร์ที่ 6 ให้บริการพลังงานที่มีคุณภาพและเสถียรภาพผ่านการซื้อขายในระบบ energy trading โดยเป็นการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านระบบของการไฟฟ้า ซึ่งอาศัยโครงข่ายอัจฉริยะ (Smart Grid) ปัจจุบันได้นำร่องทดสอบระบบ trading ระหว่างอาคารต่าง ๆ ในเครือ บี.กริม และในนิคมฯ ต่างๆ ซึ่งทิศทางธุรกิจพลังงานจากนี้ โรงไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ จะมีการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาผลิตไฟฟ้าขายเพื่อนบ้านแบบ Peer to Peer ที่แลกเปลี่ยนกันได้โดยตรง
ยุทธศาสตร์ที่ 7 เดินหน้าพัฒนาโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับ “ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น” ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการขับเคลื่อนด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่
ภายใต้ยุทธศาสตร์ 7 ประการ บี.กริม จะก้าวสู่เป้าหมายบริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก โดยก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593 โดยปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 48 โครงการ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตจาก 3,058 เมกะวัตต์ ในปี 2563 เป็น 7,200 เมกะวัตต์ ในปี 2568 และมุ่งสู่ 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 โดยคาดว่าจะมีรายได้กว่า 100,000 ล้านบาท ในปี 2573
โดยมีหลายโครงการที่จะเข้าลงทุนและร่วมลงทุนในหลายประเทศทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) 500-600 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เกาหลีใต้ และเวียดนาม 200-300 เมกะวัตต์ LNG to power ที่เวียดนาม 2,500-3,000 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ทางด้านเงินทุนได้มีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว ซึ่งจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท การออกหุ้นกู้ และการกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งเพียงพอสำหรับโครงการลงทุนทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทภายใน 5 ปีนับจากนี้
6 ธ.ค. 2568
4 ธ.ค. 2568
4 ธ.ค. 2568
5 ธ.ค. 2568