บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

Last updated: 10 ต.ค. 2568  |  131 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

RAC เรือธงในออสเตรเลีย ขยายฐานพลังงานสะอาด

การเร่งขับเคลื่อนพลังงานสะอาดให้มีสัดส่วนมากขึ้นของ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในปี 2578 จะมีพลังงานทดแทน 40% จากกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 10,815 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีพลังงานทดแทน 2,972 เมกะวัตต์ คิดเป็น 27.5% ของกำลังการผลิตทั้งหมด หรือประมาณ 2,972 เมกะวัตต์ ออสเตรเลีย เป็นประเทศในการลงทุนหลักของ RATCH ที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดให้ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เอื้อต่อการลงทุนพลังงานหมุนเวียน และการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยมีสัดส่วนการลงทุนสูงถึง 19.37% หรือคิดเป็น 2,095 เมกะวัตต์ รองจากประเทศไทยที่มี 5,474 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 50.62%

นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ RATCH กล่าวว่า ในออสเตรเลีย RATCH มีการลงทุนผ่าน บริษัท ราช ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RAC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นแกนหลักในการขยายธุรกิจและสร้างรายได้ โดยครึ่งแรกของปีนี้มีสัดส่วนรายได้ 19% ของรายได้รวม คิดเป็นจำนวนเงิน 2,948 ล้านบาท และคาดว่ารายได้จะเพิ่มมากขึ้นหากโครงการที่อยู่ในมือสามารถพัฒนาและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้สำเร็จตามเป้าหมาย เนื่องจากออสเตรเลียถือเป็นตลาดไฟฟ้าพลังงานสะอาดและเกี่ยวเนื่องเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมาย Net Zero Emissions ของประเทศ เพิ่มโอกาสการลงทุนพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน ระบบกักเก็บพลังงาน และการให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าโดยใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ

RAC ได้พัฒนาโครงการ Synchronous Condenser ในโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซทาวน์สวิลล์ ขนาด 234 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิง ตั้งอยู่ในเมืองทาวน์สวิลล์ รัฐควีนส์แลนด์ เพื่อรักษาเสถียรภาพระบบส่งไฟฟ้าของรัฐควีนส์แลนด์ โดยจำหน่ายไฟฟ้าในระบบ National Electricity Market (NEM) ซึ่งเป็นตลาดกลางรับซื้อไฟฟ้าของออสเตรเลีย โครงการนี้ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับสินทรัพย์โรงไฟฟ้าที่กำลังจะปลดระวางตามแผนงาน และคาดว่าความต้องการโครงการลักษณะนี้จะมากขึ้นตามการใช้พลังงานทดแทนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต

ความโดดเด่นของโครงการนี้ คือ เป็นการนำโครงสร้างพื้นฐานของโรงไฟฟ้ามาพัฒนาเป็นระบบไฮบริด โดยใช้ Synchronous Condenser มาช่วยสนับสนุนเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถสลับการทำงานได้ทันทีระหว่างโหมดไฟฟ้าปกติ และโหมด Synchronous Condenser เมื่อไม่มีการผลิตไฟฟ้า แต่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะยังคงให้แรงเฉื่อยไฟฟ้า ช่วยเสริมความแข็งแรงของระบบเมื่อเกิดเหตุผิดปกติ ทำให้บริษัทสามารถขายได้ทั้งไฟฟ้าและความเฉื่อยที่จะมาช่วยสนับสนุนการเดินเครื่องจากพลังงงานทดแทนที่ยังไม่มีเสถียรภาพ โครงการนี้เริ่มเดินเครื่องเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ใช้เงินลงทุนประมาณ 32 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่บริษัทได้รับเงินจากการเดินเครื่องปีละ 6.8 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และหากมีการเรียกใช้ไฟจะได้รับเงินอีก 86 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมง มีอายุสัญญา 10 ปี และต่ออายุได้อีก 5 ปu

รัฐบาลของออสเตรเลียมีการส่งเสริมการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ที่ยังสามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพและแข่งขันด้านราคาค่าไฟฟ้าได้ จะได้รับการอนุญาตให้มีการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าต่อได้ เป็นการส่งเสริมโรงไฟฟ้าเก่าที่ยังมีประสิทธิภาพให้เกิดการใช้งานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด

ในออสเตรเลีย ยังมีอีก 1 โครงการที่มีความน่าสนใจ ที่ RATCH เข้าไปลงทุน เนื่องจากออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีกำลังแรงลมที่เหมาะสมต่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม RAC จึงเข้าไปพัฒนาโครงการ Collector Wind Farm ที่ภูมิภาคเซาเทิร์นเทเบิลแลนด์ส (Southern Tablelands) รัฐนิวเซาท์เวลส์ บนพื้นที่ 6,200 เฮกตาร์ หรือประมาณ 38,750 ไร่ โดยมีการติดตั้งเสากังหันลม 54 ต้น กำลังการผลิตติดตั้งรวม 226.8 เมกะวัตต์ เงินลงทุนรวม 360 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่มีลมพัดสม่ำเสมอต่อเนื่อง มีความเร็วลมเฉลี่ยประมาณ 26 - 30 เมตรต่อวินาที แต่ถ้าความเร็วเกินกว่า 30 เมตรต่อวินาที เครื่องจะหยุดทำงานเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น Collector Wind Farm สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เฉลี่ย 528 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี จ่ายไฟให้กับครัวเรือนที่ตั้งอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้ถึง 80,000 ครัวเรือน

ภายใต้แผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ RAC จะสนับสนุนเป้าหมายด้านพลังงานทดแทนของบริษัทฯ ที่กำหนดเป้าหมายไว้ 30% ของกำลังการผลิตรวมในปี 2573 และ 40% ในปี 2578 ปัจจุบัน RAC ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อพัฒนาและก่อสร้างโครงการพลังงานทดแทนและระบบกักเก็บไฟฟ้า รวม 9 โครงการ ซึ่งมี 4 โครงการ ที่มีความก้าวหน้าอย่างมาก คือ

โครงการพลังงานแสงอาทิตย์มารูลัน กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ขนาด 81 เมกะวัตต์ และกักเก็บพลังงานได้ 162 เมกะวัตต์-ชั่วโมง อยู่ระหว่างการก่อสร้างและกำหนดจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2570

โครงการระบบกักเก็บพลังงานเบรีล ขนาด 100 เมกะวัตต์ และกักเก็บพลังงานได้ 200 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และโครงการระบบกักเก็บพลังงานอีแอล เอริช ขนาด 250 เมกะวัตต์ และกักเก็บพลังงานได้ 500 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งแผนงานทั้งสองโครงการได้รับความเห็นชอบแล้ว และคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2572

และโครงการพลังงานลมสปริงแลนด์ อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ ซึ่งการประเมินเบื้องต้นความเร็วลมเหมาะสมเป็นแหล่งพลังงานได้ และมีระบบสายส่งในพื้นที่รองรับได้ สำหรับกำลังการผลิตของโครงการประมาณการ 500 - 800 เมกะวัตต์ คาดว่าเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2573

ปัจจุบัน RAC บริหารจัดการสินทรัพย์โรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย กำลังการผลิตรวม 2,095 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าก๊าซฯ 3 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 9 แห่ง ซึ่งรวมถึงโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วย

ออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นฐานการลงทุนในต่างประเทศของ RATCH ซึ่งยังมีประเทศอื่น ๆ ที่เป็นประเทศหลักในการลงทุนเพิ่มเติมของ RATCH คือ อินโดนีเซีย สปป. ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน และเชื้อเพลิงฟอสซิล ยังมีโอกาสการลงทุนในพื้นที่ใหม่ ๆ ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน ที่ RATCH กำลังมองหาการลงทุนเพิ่มเติม อาทิ ภูมิภาคยุโรปตะวันตก และญี่ปุ่น ที่จะเข้ามาช่วยสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ เพิ่มขึ้น สร้างความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้า และยังเป็นตัวช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ตามแผนในอนาคตด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้